สร้างสรรค์ผลงานอย่างยืดหยุ่นด้วย NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S

เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่เบาที่สุดในระดับเดียวกัน รองรับโหมด VR สองโหมด
และมีความสามารถในการแสดงภาพอย่างไร้ที่ติ มอบความอเนกประสงค์ในการถ่ายภาพโดยใช้มือถือให้กับผู้ใช้

ประเทศไทย – นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำ NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S ซึ่งเป็นเลนส์ไพรม์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก และเชื่อถือได้มอบมิติใหม่ของประสิทธิภาพด้านออพติคให้กับผู้ใช้ เลนส์ S-Line ที่อยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดและปราดเปรียวซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1,160 ก. ช่วยให้ผู้ใช้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและเพิ่มความคล่องตัวที่จำเป็นในการจับภาพลักษณะเฉพาะของวัตถุ

"NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S

เป็นแบบอย่างที่ดีของเลนส์ประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพเทเลโฟโต้ที่ใช้มือถือได้อย่างง่ายดาย ระบบลดภาพสั่นไหวในโหมดปกติและโหมดกีฬา ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถด้วยระบบ Synchro VR เมื่อใช้งานร่วมกับ Z 9 ทำให้เลนส์นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจับภาพวัตถุจากระยะไกล แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็ตาม เลนส์ที่ซึ่งมาพร้อมกับระบบ Z เมาท์ ที่ได้รับรางวัลของนิคอนนี้ ผู้ใช้เตรียมสัมผัสกับประสบการณ์ที่เต็มอิ่มและน่าตื่นเต้นด้วยประสิทธิภาพการแสดงภาพของเลนส์ที่เกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการแม้จะมีขนาดที่เล็กลงก็ตาม  Horie Masahiro กรรมการผู้จัดการของบริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด 

คุณสมบัติหลักของ NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S

ความคล่องตัวที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S ที่มาในบอดี้ที่มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด เป็นเลนส์ S-Line ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่เบาที่สุดในระดับเดียวกัน[1] มีน้ำหนักประมาณ 1,160 ก. (ไม่รวมคอลลาร์ขาตั้งกล้อง) และมีความยาวรวมที่วัดได้ 234.5 มม. ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวขณะถ่ายภาพ
มอบทางยาวโฟกัสมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 400 มม. นั้นสามารถขยายได้ถึง 560 มม. หรือ 800 มม.

เมื่อใช้เทเลคอนเวอร์เตอร์ 1.4x หรือ 2.0x ตามลำดับ[2] การกระจายน้ำหนักบอดี้เลนส์ที่ยอดเยี่ยมโดยมีจุดศูนย์ถ่วงอยู่ที่คอลลาร์ขาตั้งกล้องช่วยให้ผู้ใช้เพลินไปกับความเสถียรและความสะดวกสบายที่มากขึ้นเมื่อถ่ายภาพเป็นระยะเวลานาน

นอกจากความเสถียรที่เพิ่มขึ้นแล้ว ประสิทธิภาพในการลดการสั่นไหว (VR) ของเลนส์ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยการรองรับโหมด VR สองโหมด ได้แก่ โหมดปกติและกีฬา รวมถึง Synchro VR ที่มีอยู่ใน Z 9 ซึ่งประสิทธิภาพของโหมดปกตินั้นช่วยลดความพร่ามัวระหว่างการถ่ายภาพเทเลโฟโต้แบบใช้มือถือและเทียบเท่ากับ 5.5 สต็อป[3] เพิ่มความยืดหยุ่นการปรับความไวชัตเตอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเลนส์ NIKKOR โหมดที่สองกีฬา VR ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างสูงจากช่างภาพมืออาชีพ ซึ่งมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน เนื่องจากโหมดนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตัวแบบได้อย่างง่ายดายและให้ภาพในช่องมองภาพที่เสถียร แม้จะถ่ายภาพด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อรวมเลนส์เข้ากับ Z 9 ของนิคอน ผู้ใช้จะเพลิดเพลินไปกับ 6.0-สต็อปที่ทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยการเปิดใช้งาน Synchro VR และ VR ในตัวกล้อง

การทำให้เลนส์เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบ จำเป็นต้องมีออโตโฟกัส (AF) ที่เสียงเบาและแม่นยำพร้อมด้วยสเต็ปปิ้งมอเตอร์ (STM) เพื่อลดเสียงในการทำงาน ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าตัวแบบที่มีชีวิต เช่น สัตว์ป่าและนกจะไม่ถูกรบกวนในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ

ออพติคคุณภาพไร้ที่ติ

พบกับความเหนือชั้นของเลนส์ไพรม์ S-Line ด้วยชิ้นเลนส์การกระจายแสงต่ำเป็นพิเศษ (ED), Super ED และเชิงหักเหช่วงคลื่นสั้น (SR) ของเลนส์ซึ่งช่วยลดและแก้ไขความคลาดเคลื่อนสี ทำให้ผู้ใช้ได้ภาพที่โฟกัสคมชัด โดยมีสีรั่วเพียงเล็กน้อยตลอดทั้งเฟรม
การเสริมองค์ประกอบของเลนส์เพื่อมอบประสิทธิภาพด้านออพติคที่เหนือชั้นให้กับผู้ใช้เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและชัดเจน คือโค้ทผิวนาโนคริสตัลที่ช่วยลดเอฟเฟกต์แสงแฟลร์และโกสต์ได้อย่างมาก

ด้วยค่ารูรับแสงสูงสุดที่ f/4.5 เลนส์เทเลโฟโต้จะใช้ประโยชน์จากระยะชัดลึกที่ตื้นที่สุดเพื่อให้ได้โบเก้ที่สวยงาม โดยเน้นที่วัตถุบนระนาบโฟกัสที่คมชัดและชัดเจน และช่วยให้ผู้ใช้ได้ภาพที่บันทึกสิ่งสำคัญของช่วงเวลานั้นๆ

การเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบด้วยวิดีโอ

ไม่จำกัดเฉพาะการถ่ายภาพนิ่งเพียงอย่างเดียว
เพราะเลนส์ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับการบันทึกวิดีโอด้วยวงแหวนควบคุมที่ "ไร้เสียงคลิก"
เพื่อลดเสียงในการทำงาน
พร้อมกับที่วงแหวนควบคุมเดียวกันนั้นยังช่วยในการเปลี่ยนตำแหน่งโฟกัสและระดับความสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ มุมมองภาพที่เปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดพร้อมการโฟกัสที่ราบรื่นและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นด้วยการชดเชยอาการ focus breathing ของเลนส์ที่มีประสิทธิภาพ

การวางตำแหน่งการควบคุมการทำงานอย่างพิถีพิถัน

NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ชวนหลงใหลและสนุกสนานแก่ผู้ใช้ มาพร้อมอุปกรณ์ควบคุมการทำงานที่วางใจได้ เช่น ยางกันลื่นที่อยู่ในบริเวณที่จับบ่อยๆ และฟังก์ชันการเรียกคืนการจดจำ[4] ที่ช่วยให้ผู้ใช้เรียกคืนตำแหน่งโฟกัสเฉพาะได้ด้วยการกดปุ่มตั้งค่าการจดจำ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ

การซีลที่ส่วนต่างๆ ของเลนส์รวมถึงชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้ของกระบอกเลนส์และการใช้ปะเก็นยางบนเมาท์เลนส์ ทำให้เลนส์นี้มีประสิทธิภาพป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำได้อย่างดีเยี่ยม[5] การใช้โค้ทผิวฟลูออรีนป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถขจัดออกได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะติดอยู่กับพื้นผิวเลนส์ก็ตาม

ทำให้ผู้ใช้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วภายใต้สภาพอากาศที่หลากหลาย มั่นใจได้ถึงความทนทานของเลนส์และมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ราบรื่นต่อเนื่อง

[1] ในบรรดาเลนส์ f/4.5 และเลนส์ที่ช้ากว่า รวมถึงเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัส 400 มม. สำหรับกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีเซ็นเซอร์ภาพฟูลเฟรม (เทียบเท่า 35 มม. [135]) ที่มีวางจำหน่าย ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2022 ข้อความจากการวิจัยของนิคอน
[2] ประสิทธิภาพของ AF อาจลดลงขึ้นอยู่กับวัตถุ ความสว่าง และตำแหน่งโฟกัสโดยไม่เกี่ยวกับตัวกล้อง ทำให้เกิดการโฟกัสที่ไม่ถูกต้อง ความเร็วในการโฟกัสที่ช้า หรือการกะพริบของจุดโฟกัส
[3] วัดผลตามมาตรฐาน CIPA โดยตั้งค่าฟังก์ชัน VR เป็น NORMAL ด้วยกล้องเซนเซอร์แบบ Full-Frame / FX-format 
[4] กล้องที่ใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้คือ Z 9, Z 7II, Z 6II และ Z 30 เท่านั้น (ณ ปัจจุบัน) การจะใช้ฟังก์ชั่นนี้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์ของกล้องเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด และสำหรับกล้องรุ่นอื่น ฟังก์ชั่นนี้จะรองรับต่อเมื่อมีเฟิร์มแวร์รองรับภายหลัง
[5] ไม่รับประกันประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นและป้องกันน้ำโดยสมบูรณ์แบบภายใต้ทุกสภาวการณ์

การวางจำหน่าย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์ NIKKOR Z 400mm f/4.5 VR S ใหม่ ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของนิคอน โปรดไปที่ www.nikon.co.th

เกี่ยวกับแบรนด์ NIKKOR

NIKKOR เป็นชื่อแบรนด์สำหรับเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพของนิคอน ชื่อ NIKKOR มาจากการเพิ่มตัวอักษร "r" ที่ถือเป็นหลักปฏิบัติทั่วไปในการตั้งชื่อเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพ มาประกอบกับคำว่า "Nikko" ซึ่งเป็นคำย่อแบบโรมันของ Nippon Kogaku K.K. อันเป็นชื่อเดิมที่ใช้เมื่อครั้งก่อตั้งบริษัท เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา นิคอนได้ประกาศถึงความสำเร็จอีกขั้นด้วยยอดการผลิตเลนส์ NIKKOR จำนวน 110 ล้านชิ้นสำหรับกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ของนิคอน

ในเดือนพฤศจิกายน 2023 นิคอนได้ฉลองครบรอบ 90 ปีของ NIKKOR ซึ่งได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งความเป็นเลิศด้านการถ่ายภาพ

เกี่ยวกับ MY NIKKOR

ช่างภาพทุกคนมีเรื่องราวที่อยากเล่า ก้าวเข้าสู่โลกที่ประกอบขึ้นจากมุมมองและการแสดงออกที่สร้างสรรค์ของช่างภาพนิคอน ไปที่ MY NIKKOR (mynikkor.com) เพื่อรับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณและการผจญภัยของพวกเขา แล้วให้ NIKKOR เป็นตัวกลางเชื่อมโยงคุณสู่วัฒนธรรมแห่งการถ่ายภาพ

เกี่ยวกับนิคอน

นิคอนเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสร้างภาพดิจิตอล เลนส์ที่มีความเที่ยงตรง และเทคโนโลยีการภาพถ่าย
อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะผู้กำหนดมาตรฐานการออกแบบและเพิ่มความสามารถใหม่ๆ
ให้กับอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ได้รับรางวัลสำหรับผู้บริโภคและช่างภาพมืออาชีพ บริษัท นิคอน เซลล์
ประเทศไทย เป็นผู้จัดจำหน่ายกล้องดิจิตอล SLR ทั้งระดับผู้บริโภคทั่วไปและระดับมืออาชีพ,
อุปกรณ์และเลนส์จาก NIKKOR, อุปกรณ์แฟลชเสริมภายนอกและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ,
กล้องดิจิตอลคอมแพคตระกูลนิคอน COOLPIX,
อุปกรณ์เลนส์และกล้องส่องทางไกลทางการกีฬาของนิคอน และรวมถึงกล้องมิเรอร์เลสรุ่นใหม่ล่าสุด
โดยดำเนินการในประเทศมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก

พูดคุยกับนิคอนและช่างภาพคนอื่นๆ บน Facebook NikonThailand  หรือบน Instagram Nikon Thailand