การเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว: ขุมพลังของกล้องมิเรอร์เลสซีรีส์ Z รุ่นเรือธง และพบคุณสมบัติที่เหนือกว่าใครในโลก นำหน้าวงการถ่ายภาพ พร้อมคุณสมบัติใหม่ครั้งแรกในกล้องนิคอน 

กรุงเทพมหานคร – บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) – การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้มาถึงโลกแห่งการถ่ายภาพ การเปิดตัว Z 9 กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม (รูปแบบ FX ของนิคอน) ซีรีส์ Z ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหนือความคาดหมายด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นและคุณสมบัติที่ก้าวล้ำเป็นรุ่นแรกสำหรับทั้งในกลุ่มมิเรอร์เลสและสำหรับนิคอน

เพิ่มขีดความสามารถของผู้ใช้, การเปิดตัว Z 9 ช่วยให้ช่างภาพมืออาชีพสามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้อย่างง่ายดาย จอภาพแบบปรับเอียงได้ 4 แกนในแนวตั้งและแนวนอนรุ่นแรกจากนิคอน จอภาพและมือจับแนวตั้งในตัวทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้สบายๆ แม้ในสภาวการณ์ที่เป็นอุปสรรค นอกจากนี้ Z 9 ยังมีคุณสมบัติการตรวจจับวัตถุได้พร้อมกันมากที่สุดในโลก*1 ในบรรดากล้องมิเรอร์เลส พร้อมออโตโฟกัส (AF) ที่แม่นยำสูงสุด และช่องมองภาพ Real-Live ที่ไม่มี Blackout ครั้งแรกที่ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพด้วยการบันทึกในกล้อง 8K ที่น่าทึ่งเป็นเวลาสูงสุด 125 นาที ซึ่งทำให้เป็นกล้องที่ใช้งานได้ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการถ่ายภาพทุกสถานที่

“กล้องคือส่วนหนึ่งของช่างภาพ เพราะกล้องช่วยให้พวกเขาได้ถ่ายทอดมุมมองและเรื่องราวต่างๆผ่านภาพถ่ายและวิดีโอ กล้องมิเรอร์เลสซีรีส์ Z รุ่นเรือธงได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงแนวคิดนี้ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ใช้ด้วยความสามารถที่แปลกใหม่ที่จะช่วยในการทำงานได้อย่างคล่องตัวด้วยการออกแบบเพื่อการใช้งานที่ล้ำสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นใจอย่างสูงสุด  ซึ่งหาคู่เทียบกับ Z 9 ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกภาพการแข่งขันความเร็วสูง การเก็บภาพสัตว์ป่าในช่วงเวลาพริบตา หรือการถ่ายภาพแบบ avant-garde fashion ทำให้ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งการเก็บภาพทุกช่วงเวลาที่ดีที่สุดจากฝีมือช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นที่มีประสบการณ์ได้”Miyagi Reiji กรรมการผู้จัดการ Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. กล่าว

ด้วยอัลกอริธึมขั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกที่พัฒนาขึ้นใหม่ นำมาสู่ประสิทธิภาพอันทรงพลังเหนือความคาดหมายของ Z 9 ที่มาพร้อมกับระบบการตรวจจับบุคคล สัตว์ และยานพาหนะต่างๆ ได้หลากหลายมากที่สุดในโลก*1 อีกทั้งยังติดตามวัตถุที่หลากหลายได้ทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอได้รวมกัน 9 วัตถุ โดยไม่จำเป็นต้องสลับไปมาเพื่อเปลี่ยนการตั้งค่า เมื่อเลือกโหมดอัตโนมัติ อัลกอริธึมจะเลือกวัตถุหลักโดยอัตโนมัติด้วยการพิจารณาข้อมูลอย่างครบถ้วน เช่น ขนาดวัตถุ ตำแหน่ง defocus เป็นต้น*2

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพการตรวจจับที่ได้รับการปรับปรุงและออโตโฟกัสแบบเลือกพื้นที่โฟกัสอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นเป็น 405 จุดยังได้พัฒนาการจับออโตโฟกัสและการติดตามวัตถุ แม้แต่วัตถุที่มีขนาดเล็กมากและกำลังเคลื่อนไหวอยู่ การตรวจจับวัตถุใช้งานได้กับออโตโฟกัสพื้นที่กว้าง (S) และ (L), ออโตโฟกัสแบบเลือกพื้นที่โฟกัสอัตโนมัติ, ระบบโฟกัสติดตามวัตถุแบบ 3 มิติ แม้ในระหว่างการบันทึกวิดีโอก็ตาม

ขอแนะนำระบบโฟกัสติดตามวัตถุแบบ 3D-tracking สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง ครั้งแรกของคุณสมบัตินี้ในกล้องมิเรอร์เลสจากนิคอนซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพช่วงเวลาในเสี้ยววินาทีได้โดยไม่มีอุปสรรค ตั้งแต่นักวิ่งที่เร็วที่สุดไปจนถึงรถแข่ง และทำการติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ด้วยการประมวลผลความเร็วสูงจาก EXPEED 7 ใหม่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับวัตถุ แม้แต่การบันทึกปฎิกิริยาของผู้ชมในชั่วพริบตาก็กลายเป็นเรื่องง่าย

การถ่ายภาพต่อเนื่อง 120 ภาพต่อวินาทีที่เร็วที่สุดในโลก*1 (การบันทึกเฟรมที่ความเร็วสูง+*3) ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดและความแม่นยำของสิ่งที่อาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีเพียง Z 9 เท่านั้นที่มองเห็นในเสี้ยวเวลาสั้นๆ รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 120 ภาพต่อวินาทีด้วยเลนส์ NIKKOR Z และเลนส์ NIKKOR F จำนวน 94 รุ่นพร้อมออโตโฟกัส Z 9 ยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 20 ภาพต่อวินาทีเพื่อถ่ายภาพได้มากกว่า 1,000 เฟรม*4 ในรูปแบบ JPEG หรือ RAW แม้จะเปิด flicker reduction ก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่นิคอนสามารถทำได้ด้วยความสามารถในการประมวลผลที่สูงและบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ของ EXPEED 7 และความเร็วในการเขียนที่รวดเร็วของการ์ด CFexpress Type B

ช่องมองภาพ Real-Life ใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยีใหม่เพื่อเผยให้เห็นทุกช่วงเวลา*5 เหนือกว่าช่องมองภาพออพติคอลธรรมดา (OVF) และช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ไม่พลาดช่วงเวลาเสี้ยววินาทีด้วยช่องมองภาพ Real-Live ที่ปราศจาก Blackout ทำให้มองเห็นวัตถุได้ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบการถ่ายภาพและการดูภาพต่อเนื่องอย่างไม่มีสะดุดหรือการกระโดดข้ามวินาทีที่สำคัญ

เทคโนโลยี Dual Stream พร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 45.7 ล้านพิกเซลที่มีประสิทธิภาพช่วยให้อ่านภาพนิ่งเร็วขึ้น 12 เท่า พร้อมกับประมวลผลภาพที่แสดงสำหรับ EVF/จอภาพและข้อมูลภาพนิ่งสำหรับการบันทึกแยกต่างหาก ในขณะเดียวกัน ระบบประมวลผลภาพความเร็วสูงและประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ EXPEED 7 ให้ความเร็วในการประมวลผลที่เร็วขึ้น 10 เท่า ซึ่งช่วยส่งข้อมูลไลฟ์วิวไปยัง EVF/จอภาพ และประมวลผลข้อมูลภาพนิ่งที่บันทึกไว้แยกกันในเวลาเดียวกันได้ EXPEED 7 ยังเป็นกุญแจสำคัญในเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกของกล้องสำหรับอัลกอริธึมการตรวจจับวัตถุและการบันทึกวิดีโอ 8K ในกล้อง

Z 9 มาพร้อมช่องมองภาพที่สว่างที่สุดในโลก*1 ซึ่งเป็นแผง Quad-VGA ที่ติดตั้งใหม่รองรับการปรับความสว่างของช่องมองภาพสูงสุด 3000cd/m2 เพื่อการตอบสนองในสภาวะแสงต่างๆ แผงความสว่างสูงช่วยให้ทำงานถ่ายภาพวัตถุในสภาวะที่มีแสงสว่างจ้าได้ง่ายขึ้น แม้แต่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เข้มข้น และยังช่วยให้ดูรายละเอียดของภาพหรือวิดีโอที่แสดงได้สว่างและคมชัดขึ้น

จอภาพแบบปรับเอียงได้ในแนวตั้งและแนวนอน 4 แกนตัวแรกของนิคอนให้ความยืดหยุ่นที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพจากมุมสูงหรือมุมต่ำ ถ่ายภาพในแนวตั้งได้ง่ายๆ ด้วยมือจับแนวตั้ง อินเทอร์เฟซบนหน้าจอจะแสดงตามในแนวตั้งโดยอัตโนมัติเพื่อการยืนยันและเปลี่ยนการตั้งค่าที่ง่ายดาย จอภาพแบบสัมผัสขนาด 8 ซม. และ EVF ยังทำให้การแสดงภาพทันทีที่ถ่ายและการเลือกภาพเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากข้อมูลการแสดงผลบนจอภาพที่ปรับแต่งได้ ที่ให้ผู้ใช้เลือกการแสดงผลที่ต้องการตามฉากการถ่ายภาพ

อีกคุณสมบัติที่พบได้ครั้งแรกในนิคอนคือแฟลชลบเงาเพื่อความสมดุลแบบ i-TTL ซึ่งใช้ข้อมูลใบหน้าในการควบคุมแฟลช เทคโนโลยีนี้คำนึงถึงใบหน้าของมนุษย์และควบคุมปริมาณแสงที่จะยิงออกมาได้อย่างเหมาะสมขณะใช้แฟลช เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดรับแสงมากเกินไปในภาพถ่ายของคุณ

ตอบโจทย์ด้วยความละเอียดที่สูงกว่าเดิม Z 9 มาพร้อม ระบบบันทึกวิดีโอในตัวกล้องที่คุณภาพสูง 8K30p*6 และ 4K/30p/60p/120p ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของนิคอน รวมถึงประสิทธิภาพวิดีโอที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของนิคอนอีกด้วย ระบบระบายความร้อนที่ถูกออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกวิดีโอ 8K30p*6 ได้สูงสุดประมาณ 125 นาที*7 จึงทำให้เป็นการบันทึกวิดีโอ 8K30p*6 ที่ยาวนานที่สุดในโลก*1 บันทึกภาพยนตร์เหลื่อมเวลา (Time-Lapse) ในรูปแบบ 8K และได้ภาพนิ่งไปพร้อมๆ กันด้วยการใช้การถ่ายภาพแบบตั้งช่วงเวลาถ่าย (ในวิดีโอที่ประมวลผลแบบ YUV เท่านั้น) ความสามารถในการดึงภาพนิ่งความละเอียดสูงจากวิดีโอ 8K รวมถึงช่วงเวลาสำคัญที่ 120p หลังจากการถ่ายวิดีโอ เพื่อประสิทธิภาพการถ่ายภาพที่ดียิ่งขึ้น มอบคุณภาพในภาพถ่ายและวิดีโอที่ล้ำสมัย

ผู้ใช้ยังสามารถเลือกที่จะบันทึกในรูปแบบ 4K ด้วยขนาดเฟรม/อัตราเฟรมที่หลากหลายตั้งแต่ 24p ถึง 120p ในรูปแบบต่างๆ แม้จะบันทึกในรูปแบบโลว์โมชันก็ตาม ไฮไลต์รายละเอียดสำคัญที่อาจถูกมองข้ามในช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้น เช่น เมื่อนักกีฬาเข้าเส้นชัยหรือในการแข่งขันความเร็วสูง Z 9 ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการมากมายและสามารถจัดส่งไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถรองรับและเลือกตัวถอดรหัสได้หลากหลาย รวมถึง H.265 (HEVC) และ Apple ProRes 422 HQ*8
 
รองรับการใช้ CFexpress Type B ในช่องเสียบทั้งสองช่อง เพื่อการเขียนที่เร็วขึ้นเมื่อบันทึกวิดีโอ 8K และถ่ายภาพหลายเฟรมอย่างต่อเนื่องแม้กับไฟล์ JPEG และ RAW ซึ่งจะสร้างความแตกต่างในการเร่งกระบวนการทํางาน

เพื่อให้ได้มาตรฐานการสร้างวิดีโอยุคใหม่ ฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น การบันทึกวิดีโอ RAW 12 บิท รวมถึง 8K60p และการปรับปรุงระบบการทำงานอื่นๆ จะรวมอยู่ในแผนการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในอนาคต อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของนิคอนและของภายนอกยังเข้ากันได้กับ Z 9 เพื่อให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวสร้างสรรค์และใช้งานทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้อย่างต่อเนื่อง

พบกับประสบการณ์ใหม่ในการบันทึกวิดีโอใน Z 9 ผู้ใช้สามารถรักษาตำแหน่งจุดโฟกัสด้วยการกำหนดช่วงความเร็วออโตโฟกัส และการตั้งค่าวีดีโอแบบใหม่ เมื่อตรวจไม่พบวัตถุขณะปิดออโตโฟกัส กล้องจะยังคงรักษาการโฟกัสพื้นหน้าและการพร่ามัวพื้นหลังไว้ แม้ว่าวัตถุจะเคลื่อนออกจากกรอบภาพแล้วก็ตาม นอกจากนี้ Picture Control ขั้นสูงสำหรับวิดีโอของ Z 9 ยังช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากระบบอัตโนมัติของกล้องอย่างเต็มที่ขณะถ่ายภาพ และทำให้ได้คอนทราสต์และสีสันของวิดีโอที่สมดุลตามความต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเผยแพร่ฟุตเทจตัดต่อแบบสั้นๆ ในทันที ผู้ใช้ยังจะได้พบกับการปรับปรุงคุณภาพเสียงภายในการบันทึก Linear PCM จาก 16 บิทเป็น 24 บิท รวมถึงความสามารถในการปิดการจ่ายไฟแบบ plug-in ไปยังช่องต่อไมโครโฟน และความเข้ากันได้ที่ดียิ่งขึ้นกับไมโครโฟนคุณภาพสูงระดับมืออาชีพ

กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นแรกของนิคอนที่สร้างขึ้นโดยไม่มีชัตเตอร์แบบกลไก ความตั้งใจในการละทิ้งชัตเตอร์แบบกลไกใน Z 9 นี้ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพที่มีความผิดเพี้ยนจาก Rolling Shutter น้อยที่สุดในโลก*9 พร้อมกับอัตราการสแกนที่เร็วที่สุด นอกจากนี้ VR ในตัวกล้องยังใช้ระบบล็อคแบบปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อเซ็นเซอร์ภาพ มาพร้อมการเพิ่มโค้ทผิวสองชั้นครั้งแรกในกล้องดิจิตอล เพื่อเพิ่มการป้องกันฝุ่นละอองจากการทำความสะอาดเซ็นเซอร์ภาพ และระบบป้องกันเซ็นเซอร์ใหม่ล่าสุดที่ทำให้ Z 9 สามารถปกป้องเซ็นเซอร์ภาพจากอนุภาคฝุ่นได้อย่างดีเยี่ยม

อีกทั้งยังมั่นใจได้ในความทนทานและความน่าเชื่อถือของตัวกล้องภายนอก เนื่องจากส่วนประกอบหลักของตัวกล้องได้รับการซีลอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งระบบ ตั้งแต่ข้อต่อของฝาครอบด้านนอกแต่ละด้านไปจนถึงโครงสร้างที่ปรับเอียงได้ เพื่อทำการป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำที่มีความแข็งแกร่งระดับ D6 การออกแบบที่ทนทานต่อความหนาวเย็นทำให้ Z 9 ทำงานได้ในอุณหภูมิที่ต่ำถึง -10 องศาเซลเซียส และสามารถรับมือกับสภาพการถ่ายภาพและสภาพแวดล้อมที่รุนแรงสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ

เพื่อการใช้งานที่รวดเร็ว ปุ่มต่างๆ จะถูกออกแบบไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่เป็นธรรมชาติทั้งการถ่ายภาพแนวตั้งและแนวนอน โดยสามารถกำหนดและเปลี่ยนการตั้งค่าที่ต้องการได้ เช่น โหมดพื้นที่ออโตโฟกัส การส่ง และการให้คะแนน พร้อมปุ่มโหมดออโตโฟกัสอิสระที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับโหมดโฟกัสและโหมดพื้นที่ออโตโฟกัสขณะมองวัตถุผ่านช่องมองภาพได้ ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบายในทุกสภาพอากาศ ภูมิประเทศ และสภาพแสง ด้วยไฟแบ็คไลท์ที่มองเห็นได้ชัดขึ้นบนปุ่มต่างๆ ที่จะคอยอำนวยความสะดวกในการค้นหาฟังก์ชันขณะอยู่ในที่มืด

Z 9 ยังรองรับไฟล์ RAW ประสิทธิภาพสูง*10 ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่เทียบเท่ากับ RAW แบบไม่บีบอัดทั่วไป แต่มีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่าประมาณ 1/3 ของขนาดไฟล์ธรรมดา

การประสานกันของระบบลดการสั่นไหว (VR) ในตัวกล้องและ VR ของเลนส์ ซึ่งเป็น Synchro VR ใหม่ล่าสุด*11 ใน Z 9 เพิ่มประสิทธิภาพการถือกล้องถ่ายภาพด้วยการชดเชยแสงสูงสุดถึง 6.0 สต็อป*12 คุณสมบัตินี้จะเพิ่มความนิ่งในการจัดองค์ประกอบภาพผ่านไลฟ์วิวและการเปิดรับแสงเป็นเวลานานสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง และยังลดความสั่นไหวที่เกิดจากขาดการชดเชย การชดเชยจะทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับระบบลดภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการถ่ายวิดีโอ ระบบลดภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการปรับปรุงด้วย EXPEED 7 เพื่อลดความพร่ามัวของภาพขณะที่ใช้มือถือกล้อง และแก้ไขความผิดเพี้ยนจากภาพที่บิดเบี้ยวเมื่อใช้ Z 9 คู่กับเลนส์ NIKKOR Z มุมกว้าง

Z 9 เพียบพร้อมไปด้วยตัวเลือกการเชื่อมต่อที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความจำเป็นสำหรับกระบวนการถ่ายโอนภาพที่รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึง Wi-Fi ในตัวกล้องที่ทำให้กระบวนการทำงานเร็วขึ้นด้วยการถ่ายโอนภาพโดยตรงโดยไม่ต้องใช้ตัวส่งข้อมูลแบบไร้สาย WT-6 นอกจากนี้ ระบบประมวลผลภาพประสิทธิภาพสูง EXPEED 7 ยังช่วยให้สื่อสารได้เร็วกว่า D6 โดยมีทั้ง LAN แบบมีสายและไร้สาย และแท็บเครือข่ายในเมนู ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้จัดการรายการที่เกี่ยวข้องกับตัวเลือกการเชื่อมต่อได้ในแท็บเดียวเพื่อการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

ใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Z 9 และเพิ่มเติมจากระบบนิเวศของนิคอน ซึ่งประกอบด้วยโปรแกรมใหม่อย่าง NX MobileAir และ NX Tether บอกลาการถ่ายโอนไฟล์ที่ยาวนานและยุ่งยากและปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้เลย ทำงานอย่างชาญฉลาดด้วยการถ่ายโอนภาพที่เสถียรผ่านสาย USB และ NX MobileAir ไปยังอุปกรณ์อัจฉริยะ แล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP ที่ต้องการได้ในทันที สำหรับผู้ที่ทำงานในสตูดิโอ การถ่ายภาพเชิงพาณิชย์และแฟชั่นก็ทำได้ไม่ยุ่งยากด้วย NX Tether ใหม่ที่ทำให้การถ่ายภาพแบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องง่าย

*1 ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2021 ในกลุ่มกล้องมิเรอร์เลส ตามผลการวิจัยค้นคว้าของนิคอน

*2 ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนวัตถุหลักได้ด้วยตัวเลือกคำสั่ง หากกล้องแสดงวัตถุที่ไม่พึงประสงค์

*3 ด้วยการติดตาม AF/AE คุณภาพของภาพ JPEG ปกติเท่านั้น จำนวนภาพที่สามารถถ่ายได้นั้นจะน้อยกว่าการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง แนะนำให้ใช้การ์ดที่แนะนำ ด้วยการตั้งค่า C30 สามารถถ่ายภาพได้ประมาณ 45 ล้านพิกเซลที่ 30 ภาพต่อวินาที

*4 เมื่อใช้เลนส์ NIKKOR Z 50mm f/1.8 S และการ์ดหน่วยความจำ ProGrade Digital Cobalt 1700R 325GB ในการบันทึก [RAW + JPEG] หรือ [JPEG + JPEG] ระยะเวลาสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องคือประมาณ 3 วินาที การอัปเดตเฟิร์มแวร์ในอนาคตภายในปีนี้จะช่วยปรับปรุงฟังก์ชันนี้ให้ดียิ่งขึ้น

*5 มุมมองแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตั้งค่า

*6 ในรูปแบบวิดีโอพื้นฐาน FX เท่านั้น

*7 ที่อุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบรีชาร์จ EN-EL18d เมื่อเริ่มถ่ายวิดีโอหลังจากเปิดเครื่อง แนะนำให้ใช้การ์ด CFexpress Type B ที่มีความเร็วในการเขียนที่รวดเร็วสำหรับการบันทึกวิดีโอ

*8 รองรับภายในปีนี้ผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์

*9 ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2021 ในกลุ่มกล้องมิเรอร์เลสที่มีเซ็นเซอร์ภาพที่ 40 ล้านพิกเซลขึ้นไป จากการวิจัยของนิคอน

*10 ในรูปแบบ RAW ประสิทธิภาพสูง ในรูปแบบ RAW ประสิทธิภาพสูง★ ไฟล์จะมีขนาดประมาณ 1/2 ของ RAW แบบธรรมดาที่ไม่บีบอัด

*11 ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2021 เลนส์ที่เข้ากันได้กับ Synchro VR ได้แก่ NIKKOR Z 70-200mm f/2.8 VR S (ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์), NIKKOR Z MC 105mm f/2.8 VR S และ NIKKOR Z 100-400mm f/4.5-5.6 VR S

*12 ตามมาตรฐาน CIPA เมื่อใช้ระยะสุดปลายเทเลโฟโต้ของ NIKKOR Z 70-200mm f/2.8 VR S พร้อมโหมด NORMAL

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Z 9 ใหม่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของนิคอน โปรดไปที่ www.nikon.co.th