Nikon เปิดตัวเฟิร์มแวร์ เวอร์ชัน2.00 สําหรับกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม Nikon Z6III

รองรับโหมด [ถ่ายภาพนก] โดยเฉพาะ เพื่อตรวจจับวัตถุ และมาพร้อมกับ “Nikon Authenticity Service” ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของภาพ

ประเทศไทย, 27 สิงหาคม 2025 - บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) Ltd. ประกาศเปิดตัวเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 2.00 สําหรับกล้องมิเรอร์เลส Full-frame/FX-format รุ่น Nikon Z6III โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัว Z6III และมาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายที่เทียบเท่ากับกล้องรุ่นเรือธงอย่าง Nikon Z9 และ Nikon Z8. ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านความเร็วที่น่าทึ่งอยู่แล้ว โดยเพิ่มโหมด [ถ่ายภาพนก] ในระบบตรวจจับวัตถุ เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ดียิ่งขึ้นสําหรับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ยังมีฟังก์ชัน Auto Capture ทําให้สามารถถ่ายภาพอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กําหนดค่าไว้ล่วงหน้า จึงรองรับสไตล์การถ่ายภาพที่ยืดหยุ่นและเหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ Z6III ยังรองรับ "Nikon Authenticity Service"¹ ซึ่งเป็นโซลูชันที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นองค์กรด้านสื่อและนักสร้างสรรค์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือในการทํางานในระดับสูง โดยถือเป็นครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Nikon บริการนี้รองรับมาตรฐาน C2PA (Coalition for Content Provenance and Authenticity) โดยจะบันทึกข้อมูลที่มาของผลงานอย่างชัดเจน ตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึงการตกแต่งภาพ เพื่อรับรองความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของผลงาน

Nikon จะมุ่งมั่นปรับปรุงผลิตภัณฑ์ผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ พร้อมกับส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ช่างภาพและนักสร้างสรรค์ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์และกิจกรรมระดับมืออาชีพได้อย่างมั่นใจและสบายใจ

¹ ในการใช้บริการ จําเป็นต้องลงทะเบียนกับ Nikon Imaging Cloud และสมัครใช้ใบรับรองดิจิทัล และอาจไม่มีให้บริการในบางประเทศหรือภูมิภาค

มีการเพิ่มโหมด [ถ่ายภาพนก] โดยเฉพาะลงในตัวเลือกการตรวจจับวัตถุของ Z6III หมด [ถ่ายภาพนก] กล้องจะติดตามนกที่บินอยู่โดยอัตโนมัติอย่างแม่นยํา โดยโฟกัสวัตถุได้เสมอ แม้พื้นหลังจะมีความซับซ้อนและมีคอนทราสต์สูง เช่น ป่าไม้และภูเขาหิน ซึ่งช่วยให้ช่างภาพสามารถมุ่งความสนใจไปที่การจัดวางภาพเพื่อตอบสนองความคาดหวังของตนได้อย่างเต็มที่ และยังมี [ระบบจำกัดช่วงการโฟกัส] ที่สามารถกําหนดค่าเองได้ เพื่อจํากัดช่วงการถ่าย ให้โฟกัสจุดสนใจที่ต้องการได้อย่างแม่นยํายิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกตั้งค่าคุณภาพของภาพเป็น [JPEG fine] เมื่อใช้ฟังก์ชัน Pre-Release Capture ระหว่างการถ่ายภาพฟูลเฟรมที่ 60 fps ได้แล้ว โดยสามารถบันทึกภาพล่วงหน้าได้ถึงหนึ่งวินาทีก่อนจะกดชัตเตอร์ลงจนสุด ซึ่งช่วยให้สามารถจับภาพนกบินที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมได้

Nikon มุ่งมั่นที่จะพัฒนาฟังก์ชันการบันทึกข้อมูลที่มาของผลงานที่ช่วยรับรองความถูกต้องของภาพ เพื่อปกป้องบุคคลและองค์กรในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการปลอมแปลงและ/หรือการดัดแปลงภาพ และเพื่อสร้างสังคมที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานและดำเนินธุรกิจได้อย่างสบายใจ เฟิร์มแวร์รุ่น 2.00 ของ Z6III มาพร้อมกับฟังก์ชันการบันทึกข้อมูลที่มาของผลงานที่สอดคล้องกับมาตรฐาน C2PA โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Nikon Authenticity Service เมื่อส่งคําขอล่วงหน้าผ่าน Nikon Imaging Cloud ผู้ใช้จะสามารถโหลดใบรับรองดิจิทัลที่จําเป็นสําหรับการบันทึกข้อมูลที่มาของผลงานลงใน Z6III ได้ ฟังก์ชันการบันทึกข้อมูลที่มาของผลงานจะระบุข้อมูลเมตาลงในไฟล์ภาพ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ และข้อมูลที่ช่วยให้ตรวจสอบได้สะดวกว่าภาพผ่านการดัดแปลงหรือไม่ เช่น ลายเซ็นดิจิทัล ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ได้ว่าภาพถ่ายด้วยกล้อง Nikon¹ และหากมีการแก้ไขภาพหลายครั้งโดยใช้ซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพที่เป็นไปตามมาตรฐาน C2PA ก็จะสามารถฝังข้อมูลเพิ่มเติมลงในภาพ ควบคู่ไปกับข้อมูลการถ่ายต้นฉบับได้ ช่วยให้สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการตกแต่งภาพที่ทําให้เกิดความเข้าใจผิด² และยังสามารถดูข้อมูลที่มาของผลงานใน Nikon Imaging Cloud ได้อีกด้วย

¹ เมื่อใช้ฟังก์ชันบันทึกข้อมูลที่มาของผลงาน จะมีข้อจํากัดบางประการในการถ่ายภาพ
² ข้อมูลที่มาของผลงานจะไม่ได้ฝังอยู่ในภาพที่ตกแต่งในกล้อง

ในเฟิร์มแวร์ เวอร์ชัน 2.00 มีการเพิ่มฟังก์ชัน Auto Capture ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กําหนดค่าไว้ล่วงหน้าได้ ผู้ใช้จะสามารถระบุประเภทวัตถุ ทิศทางการเคลื่อนที่ และช่วงระยะถ่ายภาพได้¹ เพื่อช่วยในการถ่ายฉากที่เคยถ่ายได้ยาก เช่น กรณีของการถ่ายภาพในสถานที่หรือตําแหน่งที่ช่างภาพจะรบกวนตัวแบบ และฟังก์ชันนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การตั้งเวลา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุวัน/เวลาเพื่อถ่ายภาพอัตโนมัติล่วงหน้า ช่วยลดการใช้แบตเตอรี่ในช่วงหลังจากตั้งค่ากล้องไปจนถึงช่วงเริ่มถ่าย เมื่อใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ USB-to-Ethernet² ก็จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงได้ แม้จะเป็นระยะไกล เพื่อตอบสนองความต้องการในการทํางานแบบมืออาชีพ

¹ ฟีเจอร์ [ขั้นสูง: ระยะห่าง] จะใช้ได้เมื่อใส่เลนส์ NIKKOR Z โดยอาจใช้งานร่วมกับเลนส์อื่นไม่ได้
² ต้องใช้อะแดปเตอร์ USB-to-Ethernet พร้อมช่องต่อ USB Type-C ซึ่งมีจําหน่ายทั่วไป โปรดดูรายการอะแดปเตอร์ USB-LAN ที่ผ่านการรับรองว่าสามารถใช้ได้ในคู่มือผู้ใช้

• เพิ่มฟังก์ชัน [เปิดปิดมอนิเตอร์อัตโนมัติ] สําหรับปิดใช้งานเซ็นเซอร์ตรวจจับสายตาเมื่อใช้มอนิเตอร์แบบปรับมุมได้ โดยถือเป็นครั้งแรกในซีรีส์ Nikon Z 
• เพิ่มฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกจากมุมมองการซูมได้โดยการกดชัตเตอร์ครึ่งหนึ่ง เมื่อตั้งโหมดโฟกัสเป็นแบบแมนนวล
• สามารถใช้การถ่ายภาพแบบเลื่อนพิกเซลร่วมกับการตั้งค่าการถ่ายแบบเลื่อนโฟกัสหรือการถ่ายคร่อม AE เพื่อให้ถ่ายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
• เพิ่มตัวเลือก [Recall setting]ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกคืนการตั้งค่าที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ได้ผ่านการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว โดยรวมถึงโหมดถ่ายภาพ ความไวชัตเตอร์ ค่ารูรับแสง และค่าความไว ISO ซึ่งสามารถระบุในฟังก์ชันการควบคุมแบบกําหนดเองได้
• รองรับการสตรีมผ่าน USB (UVC/UAC) จึงสามารถใช้กล้องเป็นเว็บแคมได้ เพียงเชื่อมต่อกล้องกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน
• ตามค่าเริ่มต้น จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์โดยอัตโนมัติหลังจากกล้องเชื่อมต่อกับ Nikon Imaging Cloud (มีการเพิ่มหมายเหตุเกี่ยวกับการตั้งค่าวันที่และเวลาในกล้องลงในคําแนะนําการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อระหว่าง Nikon Imaging Cloud กับกล้อง)
• ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยจะแสดงกล่องข้อความยืนยันการอัปเดตในมอนิเตอร์โดยอัตโนมัติ หลังจากลงทะเบียนสูตรการถ่ายภาพใน Nikon Imaging Cloud

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Nikon โปรดไปที่ https://www.nikon.co.th