เฟิร์มแวร์สำหรับ Z 9 เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตวิดีโอสำหรับกล้องรุ่นเรือธง รวมถึงการบันทึกวิดีโอ RAW ภายในได้สูงสุด 8K/60p รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย

ประเทศไทย – นิคอน เซลล์ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 2.00 สำหรับนิคอน Z 9 และเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 1.40 สำหรับ Z 7II และ Z 6II ที่น่าตื่นเต้นจากประเทศไทย

เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 2.00 สำหรับ Z 9 รองรับการบันทึกวิดีโอ RAW ในกล้องที่สูงกว่า 8K ซึ่งได้ประกาศในข่าวประชาสัมพันธ์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2021 รวมถึงการบันทึกวิดีโอในกล้อง RAW 8.3K/60p แบบ 12 บิทที่อยู่ในเฟิร์มแวร์นี้ซึ่งให้การไล่ระดับโทนสีที่สมบูรณ์ ตลอดจนคุณสมบัติวิดีโอต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นอย่างมากเพื่อตอบสนองความต้องการในการผลิตวิดีโอ สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง ได้มีการนำการบันทึกภาพก่อนถ่ายภาพ[1] มาใช้เป็นครั้งแรก[2] ในกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม ซึ่งจะบันทึกภาพได้สูงสุดหนึ่งวินาทีก่อนที่จะกดปุ่มกดชัตเตอร์ลงจนสุดหลังจากกดปุ่มลงครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ โหมดพื้นที่ AF กว้างแบบกำหนดเองที่รองรับรูปแบบการจัดพื้นที่ AF ที่หลากหลายได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยให้สามารถจับภาพวัตถุหลักตามแต่ละฉากได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฟังก์ชันและคุณสมบัติบางอย่างของ DSLR ก็มีให้ใช้งานเช่นกัน ซึ่งรวมถึงฟังก์ชันจัดลำดับความสำคัญของช่องมองภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ Z 9 ที่เปลี่ยนจากกล้อง DSLR ได้รับประโยชน์จากความรู้สึกในการใช้งานที่สม่ำเสมอ

ในขณะเดียวกัน เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 1.40 สำหรับ Z 7II และ Z 6II สามารถช่วยลดปัญหาเรื่องจุดโฟกัสเคลื่อนไปที่พื้นหลังโดยไม่ได้ตั้งใจใน โหมดพื้นที่ AF อัตโนมัติ ช่างภาพจึงโฟกัสวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ ได้ง่ายขึ้นเมื่อเริ่มต้นใช้ AF การอัปเดตเฟิร์มแวร์นี้ยังรองรับรีโมทคอนโทรล ML-L7 ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้แม้ในขณะที่อยู่ห่างจากกล้อง ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่จากระยะไกลที่ช่างภาพไม่สามารถกดปุ่มกดชัตเตอร์ได้ และถ่ายภาพทิวทัศน์กลางคืนที่อาจทำให้กล้องสั่นเมื่อกดปุ่ม

การอัปเดตเวอร์ชันนี้ช่วยให้สามารถทำการบันทึกภายในได้ในรูปแบบวิดีโอ RAW 12 บิทที่แตกต่างกันสองรูปแบบ ได้แก่ N-RAW และ ProRes RAW HQ[3] N-RAW รูปแบบใหม่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนิคอนให้การบันทึกด้วยขนาดไฟล์ประมาณครึ่งหนึ่งของ ProRes RAW HQ ช่วยให้บันทึกวิดีโอได้นานขึ้น รองรับสูงสุด 8.3K/60p และ 4.1K/120p เมื่อถ่ายในรูปแบบวิดีโอพื้นฐาน FX รองรับสูงสุด 4.1K/60p ในรูปแบบวิดีโอพื้นฐาน FX ด้วย ProRes RAW HQ และไฟล์ Full-HD แบบ MP4 ที่เหมาะสำหรับการถ่ายโอนและการแก้ไขจะถูกสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างไฟล์วิดีโอ RAW ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง บันทึกวิดีโอบนระบบที่มีขนาดกะทัดรัดโดยไม่ต้องต่ออุปกรณ์บันทึกภายนอก และสามารถตัดต่อได้อย่างเต็มรูปแบบโดยใช้ประโยชน์จากการไล่ระดับโทนสี 12 บิทโดยใช้ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ[4] คุณสมบัติใหม่อื่นๆ ได้แก่ ฟังก์ชันวิดีโอที่มีประโยชน์มากมาย เช่น การบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดสูง 4K UHD/60p ที่สุ่มตัวอย่างเกินจาก 8K

รุ่นเฟิร์มแวร์ 2.00 สำหรับ Z 9 ช่วยปรับปรุงความสามารถในการใช้งานการบันทึกวิดีโอได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน กรอบภาพ REC สีแดงจะปรากฏบนช่องมองภาพและจอภาพระหว่างการบันทึก เพื่อระบุว่ากล้องกำลังบันทึกอยู่ ซึ่งจะป้องกันการกดปุ่มบันทึกโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ ยังสามารถยืนยันการตั้งค่าการบันทึกวิดีโอ เช่น ขนาดเฟรมและอัตราหรือเสียงได้บนหน้าจอเดียวด้วยมุมมองข้อมูลวิดีโอ จอภาพ Waveform สามารถยืนยันระดับความสว่างได้ตามตำแหน่งของวัตถุ นอกจากนี้ เมื่อบันทึกวิดีโอในโหมด M จะสามารถปรับค่าความไวแสง (ISO) ได้ใน 1/6 ขั้น ทำให้สามารถปรับค่าแสงได้ละเอียดยิ่งขึ้น พร้อมกับป้องกันไม่ให้ ISO เพิ่มขึ้นเกินความจำเป็น

มุมมองข้อมูลวิดีโอเพื่อยืนยันการตั้งค่าวิดีโอบนหน้าจอ

การอัปเดตเวอร์ชันนี้ได้นำการบันทึกภาพก่อนลั่นมาใช้เป็นครั้งแรกในกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม คุณสมบัติใหม่นี้ช่วยป้องกันไม่ให้ช่างภาพพลาดช่วงเวลาสำคัญโดยการบันทึกสูงสุดหนึ่งวินาทีก่อนที่จะกดปุ่มกดชัตเตอร์ลงจนสุดระหว่างการบันทึกภาพที่ความเร็วสูง+ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถจับภาพช่วงเวลาที่ไม้เบสบอลตีลูกได้ แม้ว่าจะกดปุ่มลงจนสุดหลังจากเห็นคนตีลูกบอลในขณะที่กดปุ่มลงครึ่งหนึ่ง การแสดงผลบนหน้าจอสำหรับการบันทึกภาพที่ความเร็วสูง+ ได้รับการปรับปรุงโดยการเพิ่มสัญลักษณ์แสดงเวลาลั่นชัตเตอร์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ช่วงเวลาลั่นชัตเตอร์ได้ด้วยสายตา นอกจากนี้ รุ่น 2.00 ยังช่วยให้สามารถข้ามไปยังเฟรมแรกของลำดับการถ่ายภาพต่อเนื่องแต่ละภาพในระหว่างการแสดงภาพได้ ทำให้กระบวนการทํางานสำหรับช่างภาพกีฬาหรือนกที่มักใช้การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสะดวกมากยิ่งขึ้น

©Kenjiro Matsuo

ภาพตัวอย่างจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอธิบายฟังก์ชันการบันทึกภาพก่อนลั่นเท่านั้น

เฟิร์มแวร์ที่อัปเดตได้เพิ่ม AF พื้นที่กว้างแบบกำหนดเองซึ่งคล้ายกับ AF สำหรับการเลือกพื้นที่โฟกัสแบบกำหนดเองซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากในรุ่น D6 รูปแบบของการจัดพื้นที่ AF สามารถเลือกได้จาก 20 ตัวเลือกสำหรับภาพนิ่ง และ 12 ตัวเลือกสำหรับวิดีโอ ทำให้สามารถจับภาพวัตถุหลักในฉากต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย คุณสมบัติที่มีการรองรับการตรวจจับวัตถุยังช่วยให้คุณสามารถจับภาพช่วงเวลาสำคัญด้วยการโฟกัสไปที่นักกีฬาที่อยู่หลังสิ่งกีดขวางในการวิ่งข้ามรั้วได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น การตั้งค่าพื้นที่ AF ไปที่ครึ่งบนของเฟรม นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงความเสถียรของ AF, ประสิทธิภาพการติดตาม และการตรวจจับวัตถุในสภาพแสงน้อยด้วยการประเมินอัลกอริธึมใหม่

©Kenjiro Matsuo

ภาพตัวอย่างจัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างในการอธิบายฟังก์ชันของ AF พื้นที่กว้างแบบกำหนดเองที่ขนาดพื้นที่ 19X3 เท่านั้น

• ฟังก์ชันผสมผสานการเคลื่อนไหวจะซ้อนทับชุดการเคลื่อนไหวของวัตถุระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่องเป็นภาพนิ่งภาพเดียวในกล้องโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์แก้ไข
• ฟังก์ชันบันทึกเฟรมต่อเนื่องช่วยทำให้เฟรมในส่วนที่เลือกของฟุตเทจสามารถบันทึกเป็นชุดภาพนิ่ง JPEG ได้ในขณะที่หยุดการแสดงภาพชั่วคราว

เฟิร์มแวร์ทั้งสองรุ่นจะพร้อมให้ดาวน์โหลดที่ ศูนย์ดาวน์โหลดของนิคอน ในวันที่ 20 เมษายน 2565

นิคอนจะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่องผ่านการอัปเดตรุ่นเฟิร์มแวร์ต่างๆ ในเวลาที่เหมาะสมพร้อมฟังก์ชันที่มีประโยชน์มากมาย

[1] สามารถกำหนดค่าการบันทึกภาพก่อนลั่นได้เฉพาะเมื่อเปิดใช้งานการบันทึกภาพที่ความเร็วสูง+ เท่านั้น

[2] เฉพาะกลุ่มกล้องมิเลอเรสที่สามารถถ่ายภาพขนาดมากกว่า 20 ล้านพิกเซลขึ้นไป ณ วันที่ 14 เมษายน 2565 ตามการวิจัยของนิคอน

[3] ขอแนะนำให้ใช้การ์ดหน่วยความจำ ProGrade Digital COBALT 650GB หรือ ProGrade Digital COBALT 325GB

[4] EDIUS X เวอร์ชัน 10.3.2 (โดย Grass Valley) และ DaVinci Resolve 17.4.6, DaVinci Resolve Studio 17.4.6 (โดย Blackmagic Design) จะรองรับ N-RAW สำหรับการอ่าน N-RAW ในความละเอียด 8K จำเป็นต้องใช้ DaVinci Resolve Studio เวอร์ชัน 17.4.6 ณ วันที่  เมษายน 2565

ชื่อทางการค้า (บริษัท ผลิตภัณฑ์ บริการ ฯลฯ) เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง