เพิ่มความหลากหลายในการถ่ายทอดผลงานของคุณด้วย NIKKOR Z 100-400MM F/4.5-5.6 VR S
สนุกไปกับความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพจากมุมมองที่หลากหลายด้วยเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้รุ่นแรกในกลุ่ม S-Line ของ NIKKOR Z
กรุงเทพมหานคร – บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดตัว NIKKOR Z 100-400mm f/4.5-5.6 VR S ซึ่งเป็นเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้รุ่นแรกในกลุ่ม S-Line ของ NIKKOR Z[1] ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในเลนส์ระดับเดียวกัน[2] เพียง 1,355 กรัม เลนส์มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา มาพร้อมคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำที่เหนือชั้น[3] และประสิทธิภาพในการป้องกันการเกาะติดของสิ่งสกปรก อีกทั้งยังมอบประสิทธิภาพด้านออพติคที่โดดเด่นตลอดช่วงการซูมที่น่าประทับใจซึ่งสามารถเพิ่มได้ถึง 800 มม. ด้วยเทเลคอนเวอร์เตอร์ Z
“NIKKOR Z 100-400mm f/4.5-5.6 VR S มาพร้อม Inner Balance Technology ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งช่วยลดการเลื่อนของจุดศูนย์ถ่วงได้เป็นอย่างมากเมื่อซูมเข้าและออก เพื่อให้เข้าถึงความสมบูรณ์แบบของระบบออพติคที่มากยิ่งขึ้นผ่านวิศวกรรมที่ล้ำสมัย ประสิทธิภาพและการทำงานด้านออพติคที่ดีเยี่ยมของเลนส์นี้เหมาะสำหรับมืออาชีพ มือสมัครเล่นขั้นสูง และผู้ที่ชอบการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายในการถ่ายทอดผลงานและถ่ายภาพวัตถุในระยะไกลที่มีการเคลื่อนไหวได้” Miyagi Reiji กรรมการผู้จัดการ Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. กล่าว








ตั้งแต่การถ่ายภาพช่วงเวลาของการเล่นกีฬาอันเป็นเอกลักษณ์และการถ่ายภาพสัตว์ป่าที่น่าทึ่ง ไปจนถึงการถ่ายภาพดอกไม้และแมลงที่ซับซ้อนแต่แฝงไปด้วยรายละเอียด เลนส์มีระยะโฟกัสใกล้สุดที่สั้นที่สุด[2] ในเลนส์ระดับเดียวกันที่ 0.75 ม.ที่ตำแหน่งมุมกว้างสูงสุด ช่างภาพสามารถตั้งสมาธิกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด คือถ่ายภาพด้วยมุมมองที่น่าสนใจหรือแม้แต่ในรายละเอียดที่เล็กที่สุดผ่านเลนส์ประสิทธิภาพสูงที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใกล้วัตถุได้ใกล้มากๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้จากระยะไกล
คุณสมบัติหลักของ NIKKOR Z 100-400MM F/4.5-5.6 VR S




เลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้เข้าถึงตัวแบบได้ใกล้สุดๆ
ถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้นี้ ทางยาวโฟกัส 100 มม. ถึง 400 มม. รองรับช่วงการถ่ายภาพที่กว้าง ตั้งแต่การแข่งขันกีฬาที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น การแข่งขันฟุตบอลและการแข่งรถ ไปจนถึงการถ่ายรายละเอียดเล็กๆ เช่น ภาพดอกไม้และแมลงในระยะใกล้ ไม่หวั่นต่อระยะที่ห่างไกล ขยายระยะโฟกัสได้สูงสุด 560 มม. และ 800 มม. ด้วย Z TELECONVERTER TC-1.4x และ Z TELECONVERTER TC-2.0x ตามลำดับ พร้อมกับมอบความละเอียดที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งช่วงโฟกัส[4]
เมื่อจับคู่กับประสิทธิภาพด้านออโตโฟกัสของ Z 9 ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพวัตถุจำนวนมาก แม้แต่สัตว์และยานพาหนะต่างๆ เช่น นก รถยนต์ รถไฟ และเครื่องบินที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่มีพลาด
ประสิทธิภาพด้านออพติคที่ไม่มีใครเทียบได้
NIKKOR Z 100-400mm f/4.5-5.6 VR S ช่วยให้คุณถ่ายภาพวัตถุได้ใกล้สุดๆ ด้วยระยะโฟกัสใกล้สุดที่สั้นที่สุด2 ที่ 0.75 ม. ในเลนส์ระดับเดียวกัน พร้อมกับมอบความละเอียดที่โดดเด่นจากค่ารูรับแสงสูงสุด ถ่ายภาพและวิดีโอที่กระจ่างชัดพร้อมความคมชัดจากขอบจรดขอบโดยมีสีรั่วหรือสีเหลื่อมที่น้อยมาก เนื่องจากมีชิ้นเลนส์การกระจายแสงต่ำเป็นพิเศษ (ED) และชิ้นเลนส์ Super ED ของนิคอน เมื่อใช้เลนส์นี้ ผู้ใช้จะสามารถควบคุมความคลาดเคลื่อนสีตามแนวตั้งฉากและลดความคลาดเคลื่อนสีตามแนวแกนได้อย่างมาก นอกจากนี้ การใช้โค้ทผิวนาโนคริสตัลและโค้ทผิว ARNEO ยังช่วยลดแสงโกสต์และแสงแฟลร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อมอบความชัดเจนและความคมชัดในทุกช็อต แม้มีแหล่งกำเนิดแสงที่สว่างจ้าก็ตาม
แม้ว่าโดยปกติแล้วการถ่ายภาพเทเลโฟโต้จะมีความไวต่อสภาวะกล้องสั่นสูง แต่ประสิทธิภาพของระบบลดภาพสั่นไหว (VR) ของเลนส์จะลดความพร่ามัวได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการชดเชยสูงสุดถึง 5.5 stop[5] ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจแม้มีความไวชัตเตอร์ต่ำ เมื่อจับคู่เลนส์กับ VR ในตัวกล้อง เลนส์จะทำงานโดยซิงค์กับ VR 5 แกนของกล้องเพื่อชดเชยกล้องสั่นในแนวแกน yaw, pitch รวมถึงแนวตั้งและแนวนอนเพื่อลดการสั่นไหวของภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
ผู้ใช้ยังสามารถเลือกโหมด VR [SPORT] เมื่อต้องถ่ายภาพหรือติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน ซึ่งช่วยทำให้การถ่ายภาพนั้นง่ายขึ้นได้ด้วยการให้ภาพในช่องมองภาพที่เสถียร แม้ในระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่อง
ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เหนือชั้น
การนำกลไกที่พัฒนาขึ้นใหม่มาใช้ใน Inner Balance Technology จะช่วยรักษาสมดุลของเลนส์โดยลดการเลื่อนของจุดศูนย์ถ่วงของกระบอกเลนส์เพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายขึ้น กลไกนี้ป้องกันไม่ให้เลนส์เอียงไปข้างหน้าเมื่อทำการซูม และช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้โดยที่ยังรักษามุมของเลนส์ไว้ได้เหมือนเดิม แม้จะติดตั้งกล้องและเลนส์บนหัวกิมบอลก็ตาม
ไม่ว่าคุณจะกำลังเคลื่อนไหวหรือกำลังซูมวัตถุเข้าออก การจัดการเลนส์ก็ทำได้ง่ายในขณะที่มีการหดเลนส์ เนื่องจากสามารถป้องกันการยกของเลนส์ได้แม้ไม่มีกลไกการล็อค เลนส์มาพร้อมกับมุมการหมุนวงแหวนปรับระยะซูมที่น้อยที่สุด2 ที่ 80 องศา ช่วยให้จัดการและสลับไปมาในขณะถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น การโฟกัสที่การถ่ายภาพของคุณก็ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากคุณสามารถปรับแต่งและกำหนดฟังก์ชันที่ต้องการบนปุ่ม L-Fn และตรวจสอบรายละเอียดที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องดูที่ช่องมองภาพบนแผงบอกข้อมูลเลนส์
ถ่ายภาพด้วยความมั่นใจแม้ในสภาวะสุดทรหด เนื่องจากเลนส์ได้รับการออกแบบให้มีความทนทานพร้อมสารผนึกเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำ นอกจากนี้ ยังมีเลนส์ฮูดที่ออกแบบขึ้นใหม่เพื่อลดแสงโกสต์และแสงแฟลร์อย่างมีประสิทธิภาพโดยการเบี่ยงเบนแสงจากภายนอก
[1] S-Line คือระดับของเลนส์ NIKKOR Z ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพด้านออพติคที่โดดเด่น โดยยึดหลักการออกแบบและการควบคุมคุณภาพที่มีมาตรฐานสูง
[2] ในบรรดาเลนส์แบบเปลี่ยนได้แบบฟลูเฟรม (รูปแบบ FX ของนิคอน) ที่มีช่วงทางยาวโฟกัสต่ำสุดระหว่าง 100-400 มม. และค่ารูรับแสงสูงสุดที่ f/4.5 - f/5.6 สำหรับกล้องดิจิตอลแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีวางจำหน่าย ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2021 ข้อความจากการวิจัยของนิคอน
[3] เลนส์ไม่รับประกันการป้องกันฝุ่นละอองและหยดน้ำในทุกสถานการณ์หรือภายใต้ทุกสภาพเงื่อนไข
[4] ประสิทธิภาพของ AF อาจลดลงขึ้นอยู่กับ วัตถุ ความสว่าง และตำแหน่งโฟกัส ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวกล้อง ทำให้เกิดการโฟกัสที่ไม่ถูกต้อง ความเร็วในการโฟกัสช้า หรือการกะพริบยืนยันจุดโฟกัส
[5] วัดผลตามมาตรฐาน CIPA โดยตั้งค่าฟังก์ชัน VR เป็น NORMAL และตั้งค่าการซูมที่ตำแหน่งเทเลโฟโต้สูงสุด
การวางจำหน่าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์ NIKKOR Z 100-400mm f/4.5-5.6 VR S ใหม่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของนิคอน โปรดไปที่ www.nikon.co.th