พกของให้เบา คิดการใหญ่เข้าไว้

สำหรับการถ่ายภาพนก, สัตว์ป่า, กีฬา หรือแอ็กชันแล้ว ความคล่องตัวสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างการได้ช็อตที่ดีหรือพลาดอะไรต่อมิอะไรได้ AF-S NIKKOR 500mm f/5.6E PF ED VR เป็น่สวนหนึ่งของเลนส์ฟูลเฟรม 500 มม. ส่วนใหญ่ที่ช่วยทำให้คุณคล่องแคล่วว่องไวได้พอ ๆ กับวัตถุของคุณ

ใช้วิชาตัวเบาเข้าไว้

เลนส์ไพรม์ฟูลเฟรม 500 มม. ที่เล็กและเบาที่สุดของ Nikon เท่าที่เคยมีมา* ซึ่งยาวประมาณ 9.3 นิ้วและหนักประมาณ 1.4 กก.


*ภายในกลุ่มเลนส์ที่ไม่ใช่การออกแบบ Catadioptric (ประเภทกระจกสะท้อนแสง)

 

ให้โลกกว้างอยู่แค่เอื้อม

ทางยาวโฟกัส 500 มม. อันทรงพลัง (750 มม. สำหรับรูปแบบ DX) ทำให้ภาพเด็ดนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม

ถ่ายได้ในทุกช่วงจังหวะ

ควบคุมอาการสั่นไหวของการใช้มือถ่ายให้อยู่หมัดด้วยระบบช่วยลดภาพสั่นไหว VR ที่เร็วกว่าความไวชัตเตอร์ 4.0 สต็อป*

นิยามใหม่แห่งวงการซูเปอร์เทเลโฟโต้

เทคโนโลยี Phase Fresnel ที่เป็นกรรมสิทธิ์

เกือบสองศตวรรษมาแล้วที่เลนส์ Fresnel ถูกใช้ในประภาคารเพื่อฉายลำแสงที่แรงกล้า ด้วยการใช้ประโยชน์จากแนวคิดดังกล่าวในทางกลับกันโดยใช้การรวมแสงแทนการฉายแสง เหล่าวิศวกรของ Nikon จึงสามารถสร้างเลนส์ที่สั้นและเบากว่าขึ้นมาได้ ที่มีคุณภาพของภาพและพลังการซูมเท่ากับของเลนส์ที่ใหญ่กว่ามาก

 

คุณภาพของภาพอันน่าทึ่ง

เมื่อผสมผสานเข้ากับชิ้นกระจกการกระจายแสงต่ำเป็นพิเศษ (ED) และชิ้นกระจก NIKKOR อื่น ๆ ของ Nikon ชิ้นเลนส์ Phase Fresnel สามารถให้ภาพความละเอียดและคอนทราสต์สูงที่มีพื้นหลังดูเบลออย่างงดงามได้

 

ออโตโฟกัสที่รวดเร็ว

ระบบออปติกที่เบาและกะทัดรัดกว่าเดิมไม่ได้แค่ทำให้คุณคล่องตัวเท่านั้น ชุดเลนส์โฟกัสที่เบากว่าเดิมยังช่วยให้ระบบออโตโฟกัสโฟกัสได้ไวกว่าเดิมด้วย ด้วย AF-S NIKKOR 500mm f/5.6E PF ED VR มอเตอร์ไซเลนท์เวฟ (SWM) ของ Nikon จึงสามารถทำงานที่ประสิทธิภาพสูงสุดได้เพื่อออโตโฟกัสที่รวดเร็วและเงียบสนิท

 

อเนกประสงค์และทนทาน

ใช้กับกล้อง DSLR หรือกล้องมิเรอร์เลส Nikon ของคุณ
AF-S NIKKOR 500mm f/5.6E PF ED VR นั้นยังรองรับกับตัวกล้องมิเรอร์เลส Nikon Z ด้วย หากต้องการติดตั้งเลนส์เข้ากับกล้อง ที่คุณต้องการก็คือเมาท์อะแดปเตอร์ FTZ แล้วคุณก็พร้อมที่จะลุยแล้วด้วยคุณภาพของภาพอันครบถ้วน การรับแสงอัตโนมัติ (AE), ออโตโฟกัส (AF) และ VR ในตัว (ระบบลดภาพสั่นไหวของภาพ) นั้นทำงานได้อย่างไร้สะดุด

พร้อมสำหรับงานภาคสนาม
AF-S NIKKOR 500mm f/5.6E PF ED VR ถูกซีลเพื่อป้องกันสภาพอากาศอย่างแน่นหนาและมาพร้อมกับเลนส์ป้องกันผิวโค้งที่มีชั้นเคลือบฟลูออรีน (FLC) ของ Nikon ที่ช่วยขจัดหยดน้ำ, ฝุ่น และคราบสกปรก และเช็ดทำความสะอาดเลนส์ได้อย่างง่ายดาย

ระยะซูมที่เพิ่มขึ้นในยามที่คุณต้องการ
เมื่อทำการถ่ายด้วย DSLR รูปแบบ DX หรือ DSLR แบบฟูลเฟรมในโหมดการตัดส่วนภาพ DX เลนส์ AF-S NIKKOR 500mm f/5.6E PF ED VR จะให้มุมมองแบบ 750 มม. ที่ดูยิ่งใหญ่ เสริมด้วย AF-S Teleconverter TC-14E III เพื่อให้ได้ระยะซูมเพิ่มขึ้น 1.4 เท่า ด้วยการสูญเสียแสงเพียงแค่ 1 สต็อปและรักษาออโตโฟกัสไว้ได้


ค่าแสงที่เท่ากันและสม่ำเสมอ
กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า (E) ของ Nikon ให้ค่าแสงที่สม่ำเสมออย่างสุด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ทำการถ่ายแบบความเร็วสูง...ได้ช็อตแล้วช็อตเล่า

ออโต้โฟกัสอันเงียบสนิทพร้อมการปรับโฟกัสแมนนวลที่ไร้สะดุด
มอเตอร์ไซเลนท์เวฟ (SWM) ของ Nikon นั้นให้ออโตโฟกัสที่รวดเร็ว แม่นยำ และเงียบสนิทอย่างยิ่ง เมื่อต้องการปรับแบบแมนวล เพียงแค่หมุนวงแหวนปรับโฟกัสที่ปรับได้อย่างนุ่มนวล

การถ่ายแบบต่อเนื่องที่เสถียร
เมื่อทำการถ่ายกีฬาหรือแอ็กชัน ให้เลือก VR ของโหมด SPORT สำหรับระบบช่วยลดภาพสั่นไหวแบบพิเศษที่ช่วยทำให้ภาพของช่องมองภาพดูเสถียรยิ่งกว่าเดิมระหว่างการถ่ายและการแพนกล้องที่ต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง

ระบบโฟกัสภายใน
การเคลื่อนไหวของการโฟกัสทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในกระบอกเลนส์ ทำให้ความยาวทางกายภาพของเลนส์นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด นอกจากนี้ คุณยังสามารถโฟกัสได้ใกล้ถึง 9.8 ฟุตด้วยอัตราการขยาย 0.18 เท่าจากวัตถุของคุณเพื่อเผยให้เห็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ

การเรียกคืนจุดโฟกัส
เมื่อคุณสามารถคาดเดาตำแหน่งที่เหตุการณ์ต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ห่วงบาสเกตบอลหรือตรงบริเวณโค้งของสนามแข่งรถ คุณสามารถบันทึกตำแหน่งของโฟกัสได้ จากนั้นก็เรียกคืนจุดโฟกัสดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดปุ่มเดียวบนเลนส์    

เทคโนโลยี

Phase Fresnel

ชิ้นเลนส์ Phase Fresnel (PF) ช่วยชดเชยความคลาดเคลื่อนสีและแสงโกสต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ร่วมกับชิ้นเลนส์กระจกทั่วไป ชิ้นเลนส์ PF นั้นสร้างขึ้นมาตามเลนส์ Phase Fresnel ซึ่งมีการสลักวงกลมร่วมศูนย์กลางชุดต่าง ๆ บนเลนส์ การใช้ชิ้นเลนส์ Phase Fresnel ช่วยให้เหล่าวิศวกรของ Nikon ใช้ชิ้นเลนส์ที่น้อยลงได้ ก่อให้เกิดเป็นเลนส์ที่กะทัดรัดและเบามากกว่าเดิม และเนื่องจากคุณลักษณะของเลนส์ PF (Phase Fresnel) คือการใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์การเลี้ยวเบนของแสง ดังนั้นเมื่อมีแหล่งกำเนิดแสงสว่างจ้าอยู่ในเฟรม หรือเมื่อมีแสงจากนอกเฟรมผ่านเข้ามาในเลนส์ จึงอาจทำให้เกิดแสงแฟลร์สีต่าง ๆ เป็นรูปวงแหวนได้ตามสภาพการถ่ายภาพ อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดปรากฏการณ์นี้ได้ด้วย “PF Flare Control” ซึ่งมีอยู่ใน Capture NX-D (เวอร์ชัน 1.1.0 หรือใหม่กว่า) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูที่ softwareHelp/manual Capture NX-D สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของ Nikon กรุณาอัปเดตซอฟต์แวร์ของคุณอยู่เสมอ

โค้ทผิวฟลูออรีน

ช่างภาพต้องการอุปกรณ์ที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ โค้ทผิวฟลูออรีนของ Nikon ป้องกันการเกาะตัวของฝุ่นละออง หยดน้ำ คราบมัน หรือความสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ขจัดคราบออกได้ง่ายเมื่อติดอยู่ที่พื้นผิวของเลนส์ โค้ทผิวฟลูออรีนของ Nikon ทนทานต่อการเช็ดพื้นผิวเลนส์บ่อย ๆ ได้และเอ็ฟเฟ็กต์ป้องกันแสงสะท้อนของเลนส์ยังมีส่วนช่วยในการถ่ายภาพที่ชัดเจนอีกด้วย

กระจก ED (การกระจายแสงต่ำเป็นพิเศษ)

กระจกระบบออปติกที่พัฒนาโดย Nikon นั้นถูกใช้ร่วมกับกระจกระบบออปติกปกติในเลนส์เทเลโฟโต้เพื่อการแก้ไขความคลาดเคลื่อนสีได้ดีที่สุด

เลนส์ IF

เลนส์ NIKKOR มีแค่กลุ่มเลนส์ภายในที่เลื่อนระหว่างการโฟกัส ทำให้ขนาดของ IF NIKKOR ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดระหว่างการทำงานของออโตโฟกัส ทำให้เลนส์นั้นกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบาซึ่งทำให้ได้ระยะโฟกัสที่ใกล้กว่าเดิม เลนส์เหล่านี้จะมีอักษรย่อ IF ตรงกระบอกเลนส์

โค้ทผิวแบบนาโนคริสตัล

ซึ่งคือการโค้ทผิวตัดแสงสะท้อนที่พัฒนาโดย Nikon ช่วยลดการสะท้อนแสงของชิ้นเลนส์ภายในได้อย่างชัดเจนในหลากหลายความยาวคลื่นแสง โค้ทผิวนาโนคริสตัลใช้อนุภาคคริสตัลละเอียดระดับนาโน* เพื่อขจัดแสงสะท้อนภายในเลนส์ตลอดช่วงสเปกตรัมของคลื่นแสงที่มองเห็นได้ (380 ถึง 780 nm) ในแบบที่เหนือระดับกว่าระบบการเคลือบต้านแสงสะท้อนทั่วไปอยู่มาก โค้ทผิวนาโนคริสตัลไม่เพียงแต่แก้ไขเอ็ฟเฟ็กต์แสงโกสต์ที่เกิดจากแสงสีแดง ซึ่งระบบก่อนหน้าทำการแก้ไขได้ยาก แต่ยังช่วยลดแสงโกสต์และแสงแฟลร์ที่เกิดจากแสงที่ส่องเข้ามาในเลนส์ตามแนวทแยงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือภาพที่คมชัดกว่าเดิม

มอเตอร์ไซเลนท์เวฟ

เลนส์ AF-S NIKKOR รุ่นต่าง ๆ มาพร้อมกับมอเตอร์ไซเลนท์เวฟ (SWM) ของ Nikon เทคโนโลยีนี้ช่วยแปลง “คลื่นจร (Travelling Wave)” ให้กลายเป็นพลังงานการหมุนเพื่อโฟกัสระบบออปติก สิ่งนี้ช่วยให้ทำการออโต้โฟกัสด้วยความเร็วสูงได้ ซึ่งทั้งแม่นยำสูงและเงียบสุด ๆ

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้าในกระบอกเลนส์ช่วยให้ไดอะแฟรมอิเล็กทรอนิกส์หรือการควบคุมกลีบรูรับแสงมีความแม่นยำสูงเมื่อใช้การรับแสงอัตโนมัติระหว่างการถ่ายทำที่ต่อเนื่อง เมื่อใช้กับเลนส์ประเภท D/G ทั่ว ๆ ไป กลีบไดอะแฟรมจะทำงานด้วยก้านเชื่อมโยงแบบกลไก

M/A

เลือกใช้เลนส์ NIKKOR ที่มีโหมดการโฟกัสที่ช่วยให้คุณสลับการโฟกัสจากแบบออโต้เป็นแมนวลได้โดยแทบจะไร้ซึ่งอาการหน่วงแต่อย่างใด เพียงแค่หมุนวงแหวนปรับโฟกัสบนเลนส์เท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถสลับเป็นแมนวลโฟกัสแบบละเอียดได้อย่างไร้สะดุดขณะที่มองผ่านช่องมองภาพ

A/M


A/M ย่อมาจากโหมดแมนวลแบบเน้นออโต้ (Auto-Priority Manual Mode) โหมดนี้ยังช่วยให้เปลี่ยนจากออโตโฟกัสเป็นแมนวลได้อย่างง่ายดายระหว่างการทำงานของออโตโฟกัสอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความไวสวิตช์ของโหมดจะเปลี่ยนไปเพื่อลดโอกาสไม่ให้เกิดการสลับเป็นแมนวลโฟกัสแบบทันทีอย่างไม่ตั้งใจในระหว่างที่ทำการถ่าย

การโค้ทผิวแบบซูเปอร์อินทีเกรต

การโค้ทผิวแบบซูเปอร์อินทีเกรตของ Nikon เป็นคําศัพท์ของ Nikon ที่เป็นการเคลือบชิ้นส่วนระบบออปติกต่าง ๆ ในเลนส์ NIKKOR แบบหลายชั้น

ระบบลดภาพสั่นไหว


เทคโนโลยีในเลนส์ของ Nikon ที่ปรับปรุงความเสถียรของภาพด้วยการชดเชยการสั่นไหวของกล้องโดยอัตโนมัติ เลนส์ที่มี VR จะมีตัวย่อ VR อยู่ตรงกระบอกเลนส์

*เป็นไปตามมาตรฐาน CIPA จะได้ค่าตามนี้เมื่อ ติดตั้งเลนส์รูปแบบ FX ที่รองรับเข้ากับกล้องดิจิทัล SLR รูปแบบ FX
เลนส์มีกลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า กล้องรุ่นต่อไปนี้สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์นี้ได้:

D5, ซีรีส์ D4, ซีรีส์ D3, Df, D850, D810, D810A, ซีรีส์ D800, D750, D700, D610, D600, D500, ซีรีส์ D300, D7500, D7200, D7100, D7000, D5600, D5500, D5300, D5200, D5100, D5000, D3400, D3300, D3200, D3100, Nikon 1 J1, J2, J3, J4, J5 ที่มี FT-1, Nikon 1 V1, V2, V3 ที่มี FT-1, Nikon 1 S1, S2 ที่มี FT-1

ภาพของ LCD วิดีโอ และแกลเลอรีภาพถ่ายมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการนำเสนอเท่านั้น