ซูมเข้าด้วยความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่โค้งมนได้อย่างเหลือเชื่อ

พบกับเลนส์ฟิชอายตัวแรกของ NIKKOR ที่สามารถซูมได้ และการซูมครั้งแรกของ NIKKOR ที่สามารถบันทึกภาพทรงกลม 180° อันยิ่งใหญ่ได้ เลนส์ AF-S FISHEYE NIKKOR 8-15mm f/3.5-4.5E ED นำความอเนกประสงค์และความคมชัดในระดับใหม่มาสู่เลนส์มุมกว้างพิเศษรุ่นต่าง ๆ ได้ ซึ่งเป็นการมอบอิสระให้คุณในการเลือกมุมมองฟิชอายที่ใช่ให้กับการถ่าย เพื่อสร้างสรรค์ภาพแบบเต็มเฟรมได้ตั้งแต่ระยะใกล้กับวัตถุแค่ 15 ซม. ไปจนถึงการทำตามความหลงใหลของคุณได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ท้าทาย มีแสงย้อนมาก หรือแม้แต่ตามสถานที่ที่เปียกและสกปรกก็ตาม ซึ่งเลนส์นี้ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจและการนำเสนอใหม่ ๆ อยู่อย่างยิ่ง

เลนส์หนึ่งเดียว ที่ให้เอ็ฟเฟ็กต์ยอดเยี่ยมสองอย่าง

เลนส์ซูมฟิชอายตัวแรกของ NIKKOR

หากคุณเป็นช่างภาพหรือช่างภาพวิดีโอที่ชอบคิดนอกกรอบอยู่แล้วล่ะก็ เลนส์ AF-S FISHEYE NIKKOR 8-15mm f/3.5-4.5E ED จะเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับคุณ ไม่เพียงแค่ให้คุณสามารถถ่ายภาพฟิชอายฟูลเฟรมแบบทั่วไปได้เท่านั้น แต่คุณยังสามารถซูมออกเพื่อสร้างภาพทรงกลม 180° อันน่าทึ่งได้ด้วย และคุณยังสามารถเข้าใกล้วัตถุของคุณได้แบบสุด ๆ ที่ใกล้ได้ถึง 15 ซม. ด้วยอัตราการขยาย 0.34 เท่าสำหรับการถ่ายฟิชอายแบบระยะใกล้ ที่ให้คุณสร้างสรรค์ภาพต่าง ๆ ได้ในแบบที่คุณไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน

ความคมชัดในทุกส่วนของภาพจากขอบชนขอบ

สร้างขึ้นมาอย่างลงตัวสำหรับ DSLR รุ่นล่าสุดของ Nikon

เลนส์ AF-S FISHEYE NIKKOR 8-15mm f/3.5-4.5E ED ถือกำเนิดขึ้นมาจากมรดกระบบออปติกมุมกว้างอันยอดเยี่ยมของ NIKKOR และให้รายละเอียดอันไร้ที่ติได้ทั่วทั้งเฟรมด้วยค่ารูรับแสงทุกแบบ ชิ้นกระจก ED สามชิ้นและชิ้นเลนส์แอสเฟอริคัล (AS) สองชิ้นช่วยขจัดความคลาดเคลื่อนสีและการเกิดขอบสีเพื่อให้ได้ความคมชัดและคอนทราสต์อันน่าทึ่ง โค้ทผิวนาโนคริสตัล (N) จะช่วยตัดแสงโกสต์และแสงแฟลร์ออกไป เนื่องจากการถ่ายภาพแบบ 180° ของคุณมักจะประกอบไปด้วยแหล่งกำเนิดแสงสว่างจ้าอย่างดวงอาทิตย์อยู่เสมอ เตรียมตัวเตรียมใจพบกับภาพและวิดีโอที่ยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอกันได้เลย

พร้อมสำหรับความสร้างสรรค์ของคุณ

การออกแบบที่ทนทานและประสิทธิภาพที่คล่องตัว

AF-S FISHEYE NIKKOR 8-15mm f/3.5-4.5E ED คือเลนส์ที่ใช้งานได้อย่างทรหด ชิ้นเลนส์ด้านหน้าและด้านหลังนั้นมีชั้นเคลือบฟลูออรีนของ Nikon ที่ช่วยปกป้องเลนส์จากสิ่งสกปรกและของเหลวได้ กระบอกเลนส์นั้นกันฝุ่นและความชื้นสำหรับการถ่ายในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายต่าง ๆ คุณยังสามารถถอดเลนส์ฮูดและฝาปิดหน้าเลนส์ออกพร้อมกันได้เพื่อถ่ายภาพทรงกลม 180° หรือติดฮูดทิ้งไว้เพื่อถ่ายภาพฟิชอายแบบเต็มเฟรมทั่ว ๆ ไปก็ได้ การออกแบบที่เรียบง่าย แข็งแกร่ง และใช้งานง่ายนั้นหมายความว่าคุณจะสามารถถ่ายได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด

เทคโนโลยี

A-M

A-M ย่อมาจากโหมดออโต้-แมนวล (Auto-Manual Mode) ด้วยกลไกที่ผสานอยู่ในกระบอกเลนส์ ผู้ใช้จะสามารถรับรู้ได้ถึงการทำงานของโฟกัสที่ราบรื่นในโหมดแมนวลโฟกัสได้ในแบบเดียวกันกับที่ผู้ใช้คุ้นเคยในเลนส์แมนวลโฟกัสทั่วไป ด้วยการออกแรงบิดวงแหวนปรับโฟกัสที่เหมาะสม

เลนส์ IF

เลนส์ NIKKOR มีแค่กลุ่มเลนส์ภายในที่เลื่อนระหว่างการโฟกัส ทำให้ขนาดของ IF NIKKOR ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดระหว่างการทำงานของออโตโฟกัส ทำให้เลนส์นั้นกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบาซึ่งทำให้ได้ระยะโฟกัสที่ใกล้กว่าเดิม เลนส์เหล่านี้จะมีอักษรย่อ IF ตรงกระบอกเลนส์

เลนส์แอสเฟอริคัล

เลนส์โค้งที่มีพื้นผิวไม่เป็นทรงกลม ถูกใช้เพื่อลดความคลาดเคลื่อนและทำให้เลนส์มีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น เลนส์แอสเฟอริคัลช่วยลดโคม่าและความคลาดเคลื่อนของเลนส์แบบอื่น ๆ ให้เหลือน้อยที่สุด แม้จะเปิดรูรับแสงกว้างที่สุดก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่งในการแก้ไขความผิดเพี้ยนในเลนส์มุมกว้าง พร้อมทำให้ตัวเลนส์นั้นเบาและกะทัดรัดยิ่งกว่าเดิมได้ด้วยการลดจำนวนชิ้นส่วนมาตรฐาน (ทรงกลม) ที่จำเป็นลงได้ ชิ้นเลนส์แอสเฟอริคัลแก้ไขความผิดเพี้ยนเหล่านี้ได้ด้วยการเปลี่ยนค่าดัชนีการหักเหได้อย่างต่อเนื่องจากตรงจุดศูนย์กลางของเลนส์

M/A

เลือกใช้เลนส์ NIKKOR ที่มีโหมดการโฟกัสที่ช่วยให้คุณสลับการโฟกัสจากแบบออโต้เป็นแมนวลได้โดยแทบจะไร้ซึ่งอาการหน่วงแต่อย่างใด เพียงแค่หมุนวงแหวนปรับโฟกัสบนเลนส์เท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถสลับเป็นแมนวลโฟกัสแบบละเอียดได้อย่างไร้สะดุดขณะที่มองผ่านช่องมองภาพ

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้าในกระบอกเลนส์ช่วยให้ไดอะแฟรมอิเล็กทรอนิกส์หรือการควบคุมกลีบรูรับแสงมีความแม่นยำสูงเมื่อใช้การรับแสงอัตโนมัติระหว่างการถ่ายทำที่ต่อเนื่อง เมื่อใช้กับเลนส์ประเภท D/G ทั่ว ๆ ไป กลีบไดอะแฟรมจะทำงานด้วยก้านเชื่อมโยงแบบกลไก

โค้ทผิวแบบนาโนคริสตัล

ซึ่งคือการโค้ทผิวตัดแสงสะท้อนที่พัฒนาโดย Nikon ช่วยลดการสะท้อนแสงของชิ้นเลนส์ภายในได้อย่างชัดเจนในหลากหลายความยาวคลื่นแสง โค้ทผิวแบบนาโนคริสตัลแก้ปัญหาเอ็ฟเฟ็กต์ภาพซ้อนที่เกิดจากแสงสีแดง พร้อมลดภาพซ้อนและแสงจ้าที่เกิดจากแสงที่ส่องเข้ามาในเลนส์ตามแนวทแยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระจก ED (การกระจายแสงต่ำเป็นพิเศษ)

กระจกระบบออปติกที่พัฒนาโดย Nikon นั้นถูกใช้ร่วมกับกระจกระบบออปติกปกติในเลนส์เทเลโฟโต้เพื่อการแก้ไขความคลาดเคลื่อนสีได้ดีที่สุด

การโค้ทผิวแบบซูเปอร์อินทีเกรต

การโค้ทผิวแบบซูเปอร์อินทีเกรตของ Nikon เป็นคําศัพท์ของ Nikon ที่เป็นการเคลือบชิ้นส่วนระบบออปติกต่าง ๆ ในเลนส์ NIKKOR แบบหลายชั้น

โค้ทผิวฟลูออรีน

ช่างภาพต้องการอุปกรณ์ที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ โค้ทผิวฟลูออรีนของ Nikon ป้องกันการเกาะตัวของฝุ่นละออง หยดน้ำ คราบมัน หรือความสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ขจัดคราบออกได้ง่ายเมื่อติดอยู่ที่พื้นผิวของเลนส์ โค้ทผิวฟลูออรีนของ Nikon ทนทานต่อการเช็ดพื้นผิวเลนส์บ่อย ๆ ได้และเอ็ฟเฟ็กต์ป้องกันแสงสะท้อนของเลนส์ยังมีส่วนช่วยในการถ่ายภาพที่ชัดเจนอีกด้วย

มอเตอร์ไซเลนท์เวฟ

เลนส์ AF-S NIKKOR รุ่นต่าง ๆ มาพร้อมกับมอเตอร์ไซเลนท์เวฟ (SWM) ของ Nikon เทคโนโลยีนี้ช่วยแปลง “คลื่นจร (Travelling Wave)” ให้กลายเป็นพลังงานการหมุนเพื่อโฟกัสระบบออปติก สิ่งนี้ช่วยให้ทำการออโต้โฟกัสด้วยความเร็วสูงได้ ซึ่งทั้งแม่นยำสูงและเงียบสุด ๆ

เลนส์มีกลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า กล้องรุ่นต่อไปนี้สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์นี้ได้: D5, ซีรีส์ D4, ซีรีส์ D3, Df, D850, D810, D810A, ซีรีส์ D800, D750, D700, D610, D600, D500, ซีรีส์ D300, D7500, D7200, D7100, D7000, D5600, D5500, D5300, D5200, D5100, D5000, D3400, D3300, D3200, D3100, Nikon 1 J1, J2, J3, J4, J5 ที่มี FT-1, Nikon 1 V1, V2, V3 ที่มี FT-1, Nikon 1 S1, S2 ที่มี FT-1

ภาพของ LCD วิดีโอ และแกลเลอรีภาพถ่ายมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการนำเสนอเท่านั้น