ระยะซูมอันน่าประทับใจ ความเร็วอันน่าทึ่ง ความอเนกประสงค์อันสมบูรณ์แบบ

60 ปีให้หลังจากที่มีการเปิดตัว F เมาท์ของ Nikon อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็าเมาท์หลักที่วางใจได้ของเลนส์ NIKKOR SLR อันน่าทึ่งนับตั้งแต่นั้นมา เลนส์ AF-S NIKKOR 120-300mm f/2.8E FL ED SR VR ก็ได้นำค่ารูรับแสงสูงสุด f/2.8 คงที่ที่สว่างสดใสอย่างงดงามมาสู่โลกของการถ่ายภาพกีฬาเทเลโฟโต้ระดับมืออาชีพ ช่วงซูมแบบฟูลเฟรมอันอเนกประสงค์ที่เปี่ยมไปด้วยความเร็วและความคล่องตัวสูงที่ทุกคนถวิลหา ความคมชัดอันน่าทึ่ง และโบเก้สำหรับแอ็กชันที่รวดเร็วและการถ่ายภาพบุคคลอันน่าทึ่งที่สามารถแยกวัตถุให้ดูโดดเด่นได้อย่างน่าอัศจรรย์

ความยืดหยุ่นด้านการซูม ประสิทธิภาพของเลนส์ไพรม์

สถาปัตยกรรมระบบออปติกอันประณีตบรรจงช่วยให้ AF-S NIKKOR 120-300mm สามารถสร้างสรรค์ภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจได้ด้วยคุณภาพและความละเอียดที่ทุกคนต่างคาดหวังจากเลนส์ไพรม์ 300 มม. ชิ้นกระจก ED หนึ่งชิ้น ชิ้นเลนส์ฟลูโอไรท์สองชิ้น และชิ้นเลนส์ SR (การหักเหความยาวคลื่นสั้น) ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่สามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ภาพถ่ายอันเต็มไปด้วยรายละเอียดและสีอันน่าทึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น แสงโกสต์กับแสงแฟลร์จะถูกลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการใช้ชั้นเคลือบ ARNEO และโค้ทผิวนาโนคริสตัลที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและสดใสแม้จะมีแหล่งกำเนิดแสงอยู่ในเฟรมก็ตาม

เทคโนโลยี SR (การหักเหความยาวคลื่นสั้น) โฉมใหม่

ความคลาดเคลื่อนสีคือความผิดปกติของเลนส์ทั่วไปที่เกิดขึ้นเมื่อความยาวคลื่นแสงต่าง ๆ ไม่สามารถรวบรวมไว้ที่จุดเดียวกันได้ ส่งผลให้เกิดการเกิดขอบสี ซึ่งแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นนั้นอาจยากต่อการชดเชยได้ ชิ้นเลนส์ SR ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่นี้คือกระจกที่มีการกระจายแสงสูงเป็นพิเศษ ที่มีคุณสมบัติการหักเหแสงอันปฏิวัติวงการ ที่พุ่งเป้าอย่างพิเศษไปที่ความยาวคลื่นสีที่สั้นกว่า เช่น แสงสีฟ้าและแสงสีไวโอเลต เพื่อการชดเชยความคลาดเคลื่อนสีที่มีความแม่นยำสูง

ประสิทธิภาพของออโตโฟกัสที่เป็นคู่แข่งตัวฉกาจ

ประสิทธิภาพของออโตโฟกัสนั้นมีความสำคัญสูงสุดเมื่อทำการถ่ายภาพนักกีฬาและวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วอื่น ๆ จากระยะไกล กลไกเซอร์โวออโตโฟกัสรุ่นใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้พลังออโต้โฟกัสที่เหมาะสม ส่งผลให้สามารถทำการติดตามวัตถุที่แม่นยำอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้จะใช้ถ่ายวัตถุที่มีความเร็วไม่คงที่ก็ตาม เพื่อให้ได้การถ่ายที่ดูน่าเชื่อถือได้อย่างมืออาชีพในทุกช็อต

ระบบลดภาพสั่นไหว (VR) อันทรงพลังพร้อมโหมด SPORT

ถ่ายภาพกีฬาที่คมชัดและอัดแน่นไปด้วยแอ็กชันได้ง่ายกว่าเดิมด้วยช่วยลดภาพสั่นไหว VR อันทรงพลัง ที่เหมาะสำหรับการถ่ายแอ็กชันที่รวดเร็วด้วยตัวเลือกโหมด SPORT เมื่อเปิดใช้งาน VR อาการสั่นไหวของภาพจะถูกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไวกว่าความไวชัตเตอร์แบบ 4.0 สต็อป* ส่งผลให้ได้เป็นโหมด SPORT ที่ดีกว่าเดิมซึ่งช่วยให้วัตถุนั้นดูไม่สั่นไหวได้

การทำงานระดับมืออาชีพที่วางใจได้

AF-S NIKKOR 120-300mm f/2.8E FL ED SR VR ใช้การควบคุมและการทำงานที่มักพบได้ในเลนส์พรีเมียร์เทเลโฟโต้และซูเปอร์เทเลโฟโต้ของ Nikon วงแหวนปรับระยะซูม, ปุ่มฟังก์ชันโฟกัส, วงแหวนและการควบคุมคอลลาร์สำหรับขาตั้งกล้องล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อรับประกันการทำงานระดับมืออาชีพ ชิ้นเลนส์ฟลูโอไรท์สองชิ้นและโครงสร้างแมกนีเซียมอัลลอยนั้นทำให้ได้เลนส์ที่มีความทนทานและน้ำหนักเบาซึ่งครอบคลุมทางยาวโฟกัสต่าง ๆ ของเลนส์แบบหลายตัวเพื่อให้ได้การถ่ายที่ว่องไวได้แบบทั้งวัน

กันฝุ่นและหยดน้ำได้

ด้วยการคำนึงถึงช่างภาพมืออาชีพเป็นหลัก AF-S NIKKOR 120-300mm f/2.8E FL ED SR VR จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทนต่อสภาพแวดล้อมการถ่ายที่ไม่เป็นใจและหฤโหดต่าง ๆ ได้ ตัวเลนส์นั้นถูกซีลไว้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นและความชื้นเข้าไปด้านใน ส่วนพื้นผิวเลนส์ด้านหน้านั้นก็มาพร้อมกับชั้นเคลือบฟลูออรีนของ Nikon ที่ช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากเลนส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการถ่ายที่ไร้ซึ่งกังวลได้ในทุกงาน

การสื่อสารระหว่างกล้องกับเลนส์ที่ดีกว่าเดิม

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพิเศษที่ซิงค์แบบอิเล็กทรอนิกส์กับกล้อง พร้อมทำการปรับรูรับแสงได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งให้การควบคุมค่าแสงที่น่าเชื่อถือได้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นช่วงการถ่ายความเร็วสูงที่ต่อเนื่องกันก็ตาม

เทคโนโลยี

ชิ้นเลนส์เชิงหักเหช่วงคลื่นสั้น


SR เป็นเลนส์กระจกที่มีการกระจายแสงสูงและพิเศษ ที่หักเหแสงด้วยความยาวคลื่นที่สั้นกว่าแสงสีน้ำเงิน ด้วยการควบคุมแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น เลนส์จึงสามารถชดเชยความคลาดเคลื่อนของสีได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้สีในภาพของคุณแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้การออกแบบเลนส์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งทำให้ได้การออกแบบเลนส์ที่กะทัดรัดและเบาขึ้น

ระบบลดภาพสั่นไหว


เทคโนโลยีในเลนส์ของ Nikon ที่ปรับปรุงความเสถียรของภาพด้วยการชดเชยการสั่นไหวของกล้องโดยอัตโนมัติ เลนส์ที่มี VR จะมีตัวย่อ VR อยู่ตรงกระบอกเลนส์

โค้ทผิว ARNEO

การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่พัฒนาโดย Nikon และใช้ร่วมกับชั้นเคลือบคริสตัลแบบนาโนเพื่อลดภาพซ้อนและแสงแฟลร์จากแสงที่ส่องเข้ามาในแนวดิ่งของเลนส์ คุณสมบัติข้อนี้ทำให้สามารถเก็บภาพที่คมกริบชัดเจนได้ แม้ในสถานการณ์ที่แหล่งกำเนิดแสงปรากฏอยู่ภายในเฟรม

องค์ประกอบเลนส์ฟลูโอไรท์

ฟลูโอไรท์ (FL) คือวัสดุเลนส์แบบคริสตัลเดี่ยวที่น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติด้านการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมในขณะที่ลดน้ำหนักของเลนส์โดยรวมเพื่อปรับปรุงความสมดุลและการจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประโยชน์ในเลนส์ที่ให้ความยาวโฟกัสที่ยาวขึ้น

กระจก ED (การกระจายแสงต่ำเป็นพิเศษ)


กระจกระบบออปติกที่พัฒนาโดย Nikon นั้นถูกใช้ร่วมกับกระจกระบบออปติกปกติในเลนส์เทเลโฟโต้เพื่อการแก้ไขความคลาดเคลื่อนสีได้ดีที่สุด

โค้ทผิวฟลูออรีน

ช่างภาพต้องการอุปกรณ์ที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ โค้ทผิวฟลูออรีนของ Nikon ป้องกันการเกาะตัวของฝุ่นละออง หยดน้ำ คราบมัน หรือความสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ขจัดคราบออกได้ง่ายเมื่อติดอยู่ที่พื้นผิวของเลนส์ โค้ทผิวฟลูออรีนของ Nikon ทนทานต่อการเช็ดพื้นผิวเลนส์บ่อย ๆ ได้และเอ็ฟเฟ็กต์ป้องกันแสงสะท้อนของเลนส์ยังมีส่วนช่วยในการถ่ายภาพที่ชัดเจนอีกด้วย

โค้ทผิวแบบนาโนคริสตัล


ซึ่งคือการโค้ทผิวตัดแสงสะท้อนที่พัฒนาโดย Nikon ช่วยลดการสะท้อนแสงของชิ้นเลนส์ภายในได้อย่างชัดเจนในหลากหลายความยาวคลื่นแสง โค้ทผิวนาโนคริสตัลใช้อนุภาคคริสตัลละเอียดระดับนาโน* เพื่อขจัดแสงสะท้อนภายในเลนส์ตลอดช่วงสเปกตรัมของคลื่นแสงที่มองเห็นได้ (380 ถึง 780 nm) ในแบบที่เหนือระดับกว่าระบบการเคลือบต้านแสงสะท้อนทั่วไปอยู่มาก โค้ทผิวนาโนคริสตัลไม่เพียงแต่แก้ไขเอ็ฟเฟ็กต์แสงโกสต์ที่เกิดจากแสงสีแดง ซึ่งระบบก่อนหน้าทำการแก้ไขได้ยาก แต่ยังช่วยลดแสงโกสต์และแสงแฟลร์ที่เกิดจากแสงที่ส่องเข้ามาในเลนส์ตามแนวทแยงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือภาพที่คมชัดกว่าเดิม

เลนส์ IF


เลนส์ NIKKOR มีแค่กลุ่มเลนส์ภายในที่เลื่อนระหว่างการโฟกัส ทำให้ขนาดของ IF NIKKOR ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดระหว่างการทำงานของออโตโฟกัส ทำให้เลนส์นั้นกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบาซึ่งทำให้ได้ระยะโฟกัสที่ใกล้กว่าเดิม เลนส์เหล่านี้จะมีอักษรย่อ IF ตรงกระบอกเลนส์

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า

กลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้าในกระบอกเลนส์ช่วยให้ไดอะแฟรมอิเล็กทรอนิกส์หรือการควบคุมกลีบรูรับแสงมีความแม่นยำสูงเมื่อใช้การรับแสงอัตโนมัติระหว่างการถ่ายทำที่ต่อเนื่อง เมื่อใช้กับเลนส์ประเภท D/G ทั่ว ๆ ไป กลีบไดอะแฟรมจะทำงานด้วยก้านเชื่อมโยงแบบกลไก

มอเตอร์ไซเลนท์เวฟ

เลนส์ AF-S NIKKOR รุ่นต่าง ๆ มาพร้อมกับมอเตอร์ไซเลนท์เวฟ (SWM) ของ Nikon เทคโนโลยีนี้ช่วยแปลง “คลื่นจร (Travelling Wave)” ให้กลายเป็นพลังงานการหมุนเพื่อโฟกัสระบบออปติก สิ่งนี้ช่วยให้ทำการออโต้โฟกัสด้วยความเร็วสูงได้ ซึ่งทั้งแม่นยำสูงและเงียบสุด ๆ

M/A


เลือกใช้เลนส์ NIKKOR ที่มีโหมดการโฟกัสที่ช่วยให้คุณสลับการโฟกัสจากแบบออโต้เป็นแมนวลได้โดยแทบจะไร้ซึ่งอาการหน่วงแต่อย่างใด เพียงแค่หมุนวงแหวนปรับโฟกัสบนเลนส์เท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถสลับเป็นแมนวลโฟกัสแบบละเอียดได้อย่างไร้สะดุดขณะที่มองผ่านช่องมองภาพ

การโค้ทผิวแบบซูเปอร์อินทีเกรต

การโค้ทผิวแบบซูเปอร์อินทีเกรตของ Nikon เป็นคําศัพท์ของ Nikon ที่เป็นการเคลือบชิ้นส่วนระบบออปติกต่าง ๆ ในเลนส์ NIKKOR แบบหลายชั้น

**เป็นไปตามมาตรฐาน CIPA จะได้ค่าตามนี้เมื่อ ใส่เลนส์ที่รองรับรูปแบบ FX กับกล้องดิจิทัล SLR รูปแบบ FX, และตั้งระยะซูมของเลนส์ที่ตำแหน่งเทเลโฟโต้สูงสุด
เลนส์มีกลไกไดอะแฟรมระบบแม่เหล็กไฟฟ้า

กล้องรุ่นต่อไปนี้สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์นี้ได้:
D5, ซีรีส์ D4, ซีรีส์ D3, Df, D850, D810, D810A, ซีรีส์ D800, D750, D700, D610, D600, D500, ซีรีส์ D300, D7500, D7200, D7100, D7000, D5600, D5500, D5300, D5200, D5100, D5000, D3400, D3300, D3200, D3100, Nikon 1 J1, J2, J3, J4, J5 ที่มี FT-1, Nikon 1 V1, V2, V3 ที่มี FT-1, Nikon 1 S1, S2 ที่มี FT-1

ภาพของ LCD วิดีโอ และแกลเลอรีภาพถ่ายมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการนำเสนอเท่านั้น